คลัสเตอร์เรือนจำยังพุ่ง!  กรมราชทัณฑ์ รายงานพบผู้ต้องขังติดเชื้อโควิดเพิ่ม 1,117 ราย ยอดสะสมทะลุ 12,767 ราย ล่าสุดมี 2 เรือนจำรักษาหายแล้ว คือ เรือนจำจังหวัดนราธิวาส และเรือนจำอำเภอแม่สอด จ.ตาก

นายอายุตม์ สินธพพันธ์ุ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ แถลงความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในเรือนจำและทัณฑสถาน สรุปข้อมูล ผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ในวันนี้ จำนวน 1,117 ราย คงเหลือผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการรักษา 12,767 ราย โดยมี 2 เรือนจำที่ผู้ต้องขังได้รับการรักษาจนหายแล้ว และไม่พบผู้ติดเชื้อ คือ เรือนจำจังหวัดนราธิวาส และเรือนจำอำเภอแม่สอด ทำให้ขณะนี้มีเรือนจำและทัณฑสถานที่พบผู้ติดเชื้ออยู่ 11 แห่ง

นายอายุตม์กล่าวต่อว่า ที่ประชุมศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กรมราชทัณฑ์ (ศบค.รท.) เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 โดยมีปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน ได้มีนโยบายให้เตรียมความพร้อมรับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่ง เร่งดำเนินการ ดังนี้

1.จัดพื้นที่จัดทำโรงพยาบาลสนามในเรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่ง พร้อมให้ประสานกับสำนักงานสาธารณสุขพื้นที่ เพื่อตรวจสอบมาตรฐานในการเตรียมรองรับกรณีมีผู้ติดเชื้อได้ทันที

2.ให้เรือนจำและทัณฑสถาน ตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ประจำเรือนจำทัณฑสถานทุกแห่ง

3.เร่งคัดกรอง และตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ในผู้ต้องขัง หากพบเชื้อให้ X-ray ปอดทุกราย รวมถึงให้ยา และรักษาให้เร็ว เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดในวงกว้าง

4.ใส่คลอรีนผสมในน้ำสำหรับอาบของผู้ต้องขังในเรือนจำทัณฑสถานทุกแห่ง

5.เรือนจำทัณฑสถานที่มีการพบเชื้อให้เร่งตรวจหาเชื้อในเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังทุกรายจนครบ 100% ส่วนเรือนจำที่ยังไม่พบเชื้อให้สุ่มตรวจเชื้อ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีอาการไข้ และไอ

6.กรณีมีการปล่อยตัวผู้ต้องขังที่มีการติดเชื้อ ก่อนการปล่อยตัวต้องรีบประสานสำนักงานสาธารณสุขพื้นที่ในการส่งต่อผู้ต้องขังไปยังพื้นที่ที่สาธารณสุขกำหนดโดยด่วน

นายอายุตม์กล่าวเพิ่มเติม กรณีการสอบสวนสาเหตุการแพร่ระบาดของเชื้อเข้าสู่เรือนจำ ว่าเกิดจากเจ้าหน้าที่ฝ่าฝืนระเบียบการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไม่ นั้น ขณะนี้ กรมราชทัณฑ์ ได้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง ของบุคลากรที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่าเกิดจากการฝ่าฝืนระเบียบหรือไม่ เพื่อดำเนินการทางวินัยและให้บุคลากรเห็นถึงความสำคัญในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ และสังคมส่วนรวมต่อไป

อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวปิดท้ายถึงมาตรการลดความแออัดในเรือนจำว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้สั่งการให้กรมราชทัณฑ์เร่งบรรเทาความแออัด ซึ่งกรมราชทัณฑ์ได้กำหนดมาตรการแล้วทั้งการให้ผู้ต้องขังใช้สิทธิยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ที่ได้รับความกรุณาจากสำนักงานศาลยุติธรรม รวมทั้งเสนอโครงการพักการลงโทษกรณีพิเศษสำหรับผู้ที่เจ็บป่วยในสถานการณ์การแพร่ระบาด และการปรับขยายเกณฑ์พักการลงโทษเพื่อให้นักโทษได้รับการพักการลงโทษมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดต้องมีการพิจารณาถึงความเหมาะสมอีกครั้ง

สำหรับกรณีผู้ต้องขังที่ป่วย ขณะนี้ได้กำชับให้เรือนจำแจ้งให้ญาติทราบเป็นการเฉพาะรายทางโทรศัพท์หรือช่องทางอื่นแล้ว โดยเฉพาะความคืบหน้าการรักษา แต่ทั้งนี้ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ต้องขังก่อน กรมราชทัณฑ์ขอขอบคุณภาครัฐ เอกชน และพี่น้องประชาชนทุกท่าน ที่มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคสิ่งของที่จำเป็นแก่กรมราชทัณฑ์ในการดูแลรักษาผู้ต้องขังที่ติดเชื้อ และขอยืนยันอีกครั้ง ว่าจะรักษา และดูแลผู้ต้องขังที่ติดเชื้อทุกคนอย่างดีที่สุด.​