“มาดามเดียร์-ศิริพงษ์” ลุยแจกข้าวสาร-อาหารแห้ง ปชช.เขตหนองจอก บรรเทาความเดือดร้อนโควิด-19 ขอ รัฐ-กทม.ส่ง จนท.ตรวจเชิงรุกหนองจอก
น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.กทม.เขตหนองจอก พรรคพลังประชารัฐ นำข้าวสาร อาหารแห้ง ปลากระป๋อง หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ แจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชน ที่วากัฟสุเหร่าใหม่ ซึ่งเป็นชุมชนแออัดในพื้นที่เขตหนองจอก จำนวน 150 ครัวเรือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19
จากนั้นลงพื้นที่ตลาดหนองจอก ซึ่งเป็น 1 ใน 10 ตลาดที่กรุงเทพมหานครประกาศปิดหลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แต่ทาง กทม.ยังไม่มีการดำเนินการตรวจคัดกรองเชิงรุกให้กับพ่อค้าแม่ค้าและชาวบ้านในพื้นที่รอบตลาด
นายศิริพงษ์กล่าวว่า ตอนนี้ในพื้นที่เขตหนองจอกมีการแพร่ระบาดค่อนข้างมาก เนื่องจากเมื่อวันที่ 14-15 พ.ค.ที่ผ่านมา พบพ่อค้าแม่ค้าในตลาดหนองจอกติดโควิด-19 กทม.จึงสั่งปิดตลาดระหว่างวันที่ 16-31 พ.ค.จากนั้นชาวบ้านโดยรอบและคนในตลาดจึงเดินทางไปตรวจเองจนถึงขณะนี้พบผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 20 กว่าคน จึงอยากให้ กทม.และรัฐบาลส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจคัดกรองเชิงรุกในพื้นที่เพิ่มเติม เพราะเชื่อว่าน่าจะมีผู้ติดเชื้อมากกว่านี้ เนื่องจากตลาดหนองจอกเป็นตลาดขนาดกลางมีพ่อค้าแม่ค้า 600 กว่าคน เล็กกว่าตลาดบางกะปิ แต่ด้วยลักษณะทางกายภาพหากมีการตรวจคัดกรองเชิงรุกอาจจะเจอผู้ติดเชื้อเยอะกว่าก็ได้ อีกทั้งหนองจอกมีพื้นที่กว้างที่สุด อยู่ชานเมือง หากมีผู้ติดเชื้อขนาดนี้จึงน่ากังวล นอกจากนี้ขอให้กทม.เร่งมาฉีดวัคซีนโควิด-19 ด้วย เพราะ 600 กว่าคนวันเดียวก็น่าจะเสร็จสิ้น
ด้าน น.ส.วทันยากล่าวว่า สถานการณ์ที่เขตหนองจอกใกล้เคียงกับกรณีของตลาดบางกะปิ เพราะพ่อค้าแม่ค้า คนชุมชน คนนอก มีการเดินทางไปมาหาสู่กัน จุดเริ่มต้นของการแพร่ระบาด ก็มาจากคนในพื้นที่ไปตรวจเองแล้วพบ จนกระจายขยายวงกว้าง อย่างบางกะปิ ตอนแรกชาวบ้านรายงานมา 59 คน ตนเองและ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันท์ ส.ส.กทม.เขตบางกะปิ-วังทองหลาง จึงประสานส่งเรื่องไปยัง ศบค.หลังมีการตรวจเชิงรุกจำนวน 845 คนพบผู้ติดเชื้อ 137คน ดังนั้นในพื้นที่ตลาด หนองจอกจึงไม่ต่างจากตลาดบางกะปิ และอาจจะบานปลายเหมือนบางกะปิ
นอกจากนี้ ในตลาดบางกะปิยังมีแรงงานต่างด้าวถูกกฎหมายและผิด กฎหมาย โดยยังเหลือแรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้รับการตรวจอีก 400 กว่าชีวิต ซึ่งจุดนี้น่าเป็นห่วงเพราะแรงงานผิดกฎหมายอาจมีความวิตกกังวล แล้วหลบหนีไปที่อื่นๆ จึงควรเร่งคัดกรองเชิงรุกแรงงานผิดกฎหมายเหล่านี้ด้วย เราควรแยกคัดกรองออกมาให้เร็วที่สุด เพราะพื้นที่ตลาดแออัด ที่อยู่อาศัยก็จำกัด ไม่สามารถแยกกักตัวเอง ดังนั้นสุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดการแพร่ระบาดเพิ่มเติมไปอีก
น.ส.วทันยากล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะประสานไปยังหน่วยงานราชการในพื้นที่ รวมถึงสื่อให้ช่วยส่งเสียงไปยังผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบ จะได้เร่งตรวจคัดกรองเชิงรุก เพราะ กทม.เป็นพื้นที่ระบาดรุนแรงที่สุด ขณะเดียวกันการฉีดวัคซีน นอกจากคนสูงอายุ ผู้ป่วย 7 โรคและกลุ่มเสี่ยง อยากให้รัฐบาลพิจารณากระจายฉีดวัคซีนไปยังกลุ่มวัยทำงาน เพราะผู้สูงอายุส่วนใหญ่อยู่กับบ้าน แต่ติดเชื้อจากลูกหลานที่ออกไปทำงาน ไปใช้ชีวิตข้างนอก แต่คนเหล่านี้ยังไม่ถึงเกณฑ์รับวัคซีน ดังนั้นควรเร่งปรับเกณฑ์มาฉีดวัคซีนให้คนกลุ่มนี้เพิ่มเติมโดยเร็ว.