“องอาจ” เสนอ 3 ข้อ “นายกฯ” จัดการวัคซีนโควิดของภาครัฐอย่างมืออาชีพ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจการบริหารจัดการ

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการบริหารจัดการการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาลและ ศบค. ว่า จากการลงพื้นที่ของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีต ส.ส. อดีต ส.ก. ในพื้นที่ กทม. เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 พบว่ามีประชาชนจำนวนมากเกิดความไม่สบายใจวิตกกังวลถึงการบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาล และ ศบค. ว่า จะบริหารเรื่องวัคซีนให้มีประสิทธิภาพได้หรือไม่ เนื่องจากมีข่าวสารไปถึงประชาชนจำนวนมากที่รับรู้ว่า ไม่มีวัคซีนเพียงพอจนมีหลายหน่วยงานประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไป ในขณะที่ผู้ลงทะเบียนหมอพร้อมไว้ก็ไม่มั่นใจว่าจะได้ฉีดตามกำหนดเวลาคือ ตั้งแต่ 7 มิ.ย. เป็นต้นไปหรือไม่ ขณะที่ใน กทม. ก็มีการเชิญชวนให้ฉีดวัคซีนผ่านเว็บไซต์ ผ่านแอปฯ เพิ่มเติมขึ้นมาอีก

นอกจากนั้นมีประชาชนร้องเรียนถึงความไม่เป็นธรรมของการฉีดวัคซีนเข้ามาจำนวนมากว่า ทำไมดารา และผู้มีชื่อเสียงที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงจึงได้ฉีดวัคซีนก่อนประชาชนทั่วไป

จากข้อร้องเรียนของประชาชนจำนวนมากที่ผ่านเข้ามา จึงมีข้อเสนอไปยังนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บริหารสูงสุดในการแก้ไขการแพร่ระบาดของโควิด-19 และ ศบค. ดังนี้

1.การบริหารจัดการวัคซีนควรมีความชัดเจน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนมั่นใจว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงตามวันเวลาที่ลงทะเบียนไว้ ควรทำให้ได้ตามนัดหมาย ไม่ควรเลื่อนนัดหมายออกไปอย่างไม่มีกำหนด

ควรมีช่องทางอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่หลากหลาย แต่ไม่ควรซ้ำซ้อนกัน อันจะนำไปสู่ความสับสน จนก่อให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในการบริหารจัดการวัคซีนของรัฐ

2.การสื่อสารเกี่ยวกับวัคซีน ควรชัดเจนออกมาจากแหล่งข้อมูลเดียว เพื่อลดความสับสนของข้อมูล

เนื่องจากขณะนี้มีการสื่อสารข้อมูลวัคซีนจนประชาชนสับสนว่า ควรจะปฏิบัติตามข้อมูลจากแหล่งใดจึงจะได้รับการฉีดวัคซีนที่รวดเร็วและถูกต้องเหมาะสมที่สุด

3.กระจายวัคซีนอย่างเป็นธรรม โดยคำนึงถึงพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงสุดและพื้นที่ที่มีความจำเป็นสูงสุดทั้งในแง่ของการควบคุมโรค และการแก้ไขผลกระทบทางเศรษฐกิจ

หวังว่าข้อเสนอนี้จะเป็นประโยชน์ต่อ ศบค.และผู้รับผิดชอบทุกระดับในการกระชับการทำงานให้เป็นไปตามความคาดหวังของประชาชนที่อยากเห็นการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ เพื่อเราจะผ่านพ้นห้วงเวลาความเลวร้ายจากโควิด-19 ไปด้วยกันในที่สุด.