รัฐบาลส่อร้าวหนัก “ส.ส.ชาดา” บอก “อนุทิน หัวหน้า ภท.” ถ้าเขาไม่รักก็กลับบ้านเราเถอะ
รัฐบาลส่อสัญญานร้าวหนัก “ส.ส.ภท. ประกาศกลางสภา บอกหัวหน้าพรรค ถ้าเขาไม่รักก็กลับบ้านเราเถอะ”
วันที่ 31 พ.ค. รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท วาระแรก ซึ่งการอภิปรายเป็นไปอย่างกว้างขวาง โดย ส.ส.ฝ่ายค้านก็ได้ท้วงติงการจัดงบ ในขณะที่ ส.ส.รัฐบาลก็อภิปรายสนับสนุน
กระทั่งเวลา 15.07 น. นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า รัฐมนตรีทุกคนเมื่อได้เข้ามาบริหารบ้านเมืองก็มีความคิดต่างๆ แต่เมื่อเข้ามาแล้วก็เจอสำนักงบประมาณ และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทำให้ต้องทำงานตามกรอบ การทำแบบนี้ถือว่าไม่เกียรติประชาชน เพราะสถานการณ์โควิด-19 ทางสำนักงบประมาณได้ตัดงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขลงทุกกรมและทุกส่วน ทั้งที่ช่วงสถานการณ์โควิด-19 แบบนี้คนที่ดูแลประชาชนก็คือกระทรวงสาธารณสุข บอกว่าจะให้ไปใช้งบกลาง มันเป็นเรื่องที่ลำบาก เปรียบเสมือนท่านส่งทหารไปรบกับข้าศึกชายแดนแต่ไม่ให้อาวุธไป และบอกว่าจะยิงปืนใหญ่ไปสมทบ ท่านคิดว่าศึกครั้งนั้นจะชนะหรือ นี่เป็นการจัดงบฯ ที่ไม่แคร์ความรู้สึกประชาชน รวมถึงในงบประมาณเงินกู้ 1 ล้านล้านบาทที่ผ่านมา มีงบฯ กระทรวงสาธารณสุข 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อย ปัจจุบันเบิกจ่ายไปแค่ 2 หมื่นล้านบาท
นายชาดา อภิปรายต่อว่า ที่สำคัญเบี้ยเลี้ยงเสี่ยงภัยของแพทย์กลับยังไม่เบิกจ่าย ถามว่าจะให้ทหารเหล่านี้ไปสู้ข้าศึกได้อย่างไร สิ่งสำคัญสำนักงบฯทำให้ประชาชนและคนทำงานเกิดความเจ็บปวด ตนอยากให้สภาพัฒน์ หรือสำนักงบฯ ไปดู รพ.ของรัฐบ้างว่ายังขาดแคลนอะไร แม้กระทั่งงบฯ แพทย์ปฐมภูมิยังตัดอีก ถือว่าใจดำมาก ในการฉีดวัคซีนแต่ละคน ท่านอยู่ กทม.ไม่เข้าใจคนต่างจังหวัด เพราะมีคำสั่งให้ไปฉีดที่ รพ. ประชาชนยากจนไม่มีรถก็เสียค่าใช้จ่ายรถรับส่งอีก รวมถึงงบประมาณจากส่วนกลางในการฉีดวัคซีนไม่เคยส่งไป เพราะ 1 เข็มมีค่าใช้จ่ายอุปกรณ์ในการฉีดครั้งละ 10 บาทก็ไม่มีการพูดถึง ไม่มีการมองประชาชนต่างจังหวัด ไม่ว่าจะ รพ.สนาม สถานที่กักตัวก็ใช้งบฯฉุกเฉินของผู้ว่าฯทั้งนั้น
นายชาดา กล่าวด้วยว่า สภาพัฒน์ ไม่รู้บทบาทหน้าที่ของตนเอง ทั้งที่มีหน้าที่ให้คำปรึกษาแนะนำ แต่วันนี้เล่นบทบาทผู้นำ ซึ่งเล่นหน้าที่ผิดไปแล้ว ทั้งที่เป็นนักวิชาการ ถ้าทำงานไม่เป็นขอให้มาศึกษาได้ที่สำนักงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ที่วิเคราะห์งบประมาณมาหลายเล่ม ขอให้นำไปอ่านบ้าง ตนคิดว่าทำงานได้สุดยอดและเยี่ยมมากกว่าสภาพัฒน์ สิ่งสำคัญท่านไม่แคร์ประชาชน ผู้ปฏิบัติงาน อสม. แพทย์ต่างจังหวัด แม้แต่งบฉีดวัคซีน 18 ล้านบาทที่กระทรวงสาธารณสุขตั้งไว้ก็ถูกตัด วันนี้สภาพัฒน์มีบทบาททุกอย่าง
“ผมอยากให้สภาพัฒน์ พิจารณาตนเอง ทบทวนบทบาทหน้าที่ของตนเองใหม่ เหมือนสมัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเลขานุการ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ทำงานได้ดี แต่เมื่อมาเป็นนายกฯ เองก็เกิดปัญหาต่างๆมากมาย เหมือนกับสภาพัฒน์ ที่ยืนผิดที่ แม้แต่เครื่องเอกซเรย์ท่านไม่ให้เลย ใจดำไปหรือไม่ ประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์จะรู้สึกอย่างไร หรือต้องอาศัย พี่ตูนมาวิ่งรอบประเทศอีกครั้ง หรือคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่รักนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยแล้ว จึงได้ตัดงบฯ แบบนี้ ผมอยากบอกว่าหัวหน้าครับ ถ้าเขาไม่รักก็กลับบ้านเราเถอะครับ” นายชาดา กล่าว
ด้าน นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ก็ร่วมอภิปรายในช่วงหนึ่งว่า ผิดหวังกับการจัดสรรงบรายจ่ายปี 2565 ของสำนักงบประมาณที่จัดสรรงบไม่เป็นไปตามสถานการณ์ประเทศ ตั้งแต่
1. งบประมาณกลุ่มจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น จ.ศรีสะเกษ จ.อ่างทอง หลายโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในท้องถิ่น ถูกตัดออกจากงบประมาณ
2. งบกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายกรัฐมนตรีมีนโยบายชัดเจนจะมีนโยบายเปิดประเทศภายในสิ้นปีเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ปีที่ผ่านมาจัดสรรงบให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) 4.85 พันล้านบาท แต่งบปี 65 ได้แค่ 2.88 พันล้านบาท หายไป 2 พันล้านบาท แสดงว่าสำนักงบประมาณ จัดสรรงบไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และไม่เป็นไปตามสถานการณ์
3. กระทรวงสาธารณสุข ถูกตัดงบกว่า 4 พันล้านบาท และค่าตอบแทน อสม. สำนักงบประมาณโอนมาให้ไม่ครบ งบบัตรทองที่ไว้ช่วยเหลือประชาชนก็ถูกตัด
นอกจากนี้ ปีที่ผ่านมา กรมควบคุมโรค ได้รับงบ 4 พันล้านบาท แต่ปีนี้เหลือ 3.5 พันล้านบาท ทั้งที่เป็นกรมมีความสำคัญอย่างยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ ที่สำคัญกรมควบคุมโรคเสนอของบ 1.2 หมื่นล้านบาท ซื้อวัคซีน 70 ล้านโดส มาฉีดให้ประชาชน แต่กลับถูกตัดออก โดยอ้างเหตุผลจะให้ไปใช้งบกลางหรืองบเงินกู้ นี่คือความผิดหวังจากการจัดสรรงบของสำนักงบประมาณ.