“สิระ” แจงผู้ใหญ่ในพรรคเข้าใจการทำหน้าที่ของ กมธ.แล้ว มั่นใจ “บิ๊กตู่” ไม่ติดใจ เปรยไม่คิดน้อยใจ เป็นเรื่องปกติมีชมบ้างติบ้าง ลั่นเดินหน้าลุยบ้านกกกอกต่อ
นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม พา นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ผู้ต้องหาคดีน้องชมพู่ ที่อยู่ระหว่างประกันตัวชั้นศาล เดินทางเข้ามาพบนายสิระ และมีการแถลงข่าวยิ่งใหญ่ในรัฐสภาระหว่างการอภิปรายชี้แจงการออก พ.ร.ก.เงินกู้เพิ่ม 5 แสนล้านบาท ในวันที่ 9 มิ.ย.64 ว่า ได้ชี้แจงกับผู้ใหญ่ของพรรคไปแล้วว่า การรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนของคณะกรรมาธิการกฎหมายฯ มีการปฎิบัติทุกวัน บางวันรับประชาชนกว่า 10 คน และไม่ได้เลือกปฎิบัติใครเป็นผู้เสียหายที่มายื่น ไม่ได้เลือกว่าคดีดังหรือไม่ดัง เพราะถือเป็นเรื่องปกติในการทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชน ซึ่งส่วนตัวไม่กังวลว่าท่านนายกฯ จะไม่พอใจ เพราะเชื่อว่าท่านจะเข้าใจสิ่งที่ชี้แจงไป เมื่อประชาชนมีปัญหามาเรียกร้องต่อกรรมาธิการ ตนเองในฐานะประธานถ้าไม่รับเรื่อง จะถือว่าละเว้นการปฎิบัติหน้าที่หรือไม่
นายสิระกล่าวต่อว่า การทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติที่สำคัญที่สุด คือ จะทำอย่างไรให้ประชาชนสามารถเข้าถึง รู้ช่องทางที่จะทำให้ประชาชนสามารถเรียกร้องและปกป้องสิทธิของตัวเองได้ เพราะในบางครั้ง ประชาชนอาจจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม มีประชาชนจำนวนมากมาร้องเรียนว่า คดีความไม่คืบหน้า หรือถูกตัดสินแบบไม่เป็นธรรม ไม่แตกต่างจากกรณีของลุงพล แต่ประชาชนเหล่านี้ไม่ได้ถูกสังคมจับตามอง ก็ไม่มีสื่อให้ความสนใจ เพราะฉะนั้นเหตุการณ์เมื่อวาน ไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องพิเศษแต่อย่างใด
เมื่อถามว่ารู้สึกน้อยใจหรือไม่ นายสิระกล่าวต่อว่า เป็นเรื่องปกติของการทำงาน บางครั้งก็ได้รับคำชม บางครั้งก็โดนติ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติอะไร
ถามต่อว่าเมื่อรับเรื่องขอความเป็นธรรมจากลุงพลมาแล้ว จะดำเนินการอย่างไรต่อ นายสิระกล่าวว่า ก็ต้องนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม กมธ.กฎหมายฯ ภายในสัปดาห์หน้า และก็ขึ้นอยู่กับว่าที่ประชุมว่าจะรับเรื่องไว้พิจารณาหรือไม่ หากบรรจุวาระเรื่องดังกล่าวนี้ จึงค่อยมีมติอีกครั้งว่าจะเชิญใครมาชี้แจงเข้าให้ข้อมูลนี้ ทั้งนี้ ในวันเสาร์ที่ 12 มิถุนายนนี้ ตนเองและกรรมาธิการจะลงพื้นที่ไปยังบ้านกกกอก เพื่อพบกับแม่ของน้องชมพู่และพนักงานสอบสวนด้วย.