ปลัดมหาดไทย ออกหนังสือด่วนถึง “ผู้ว่าฯทุกจังหวัด” ยึดแนวทางตามข้อกำหนดฉบับที่ 25 สกัดการเคลื่อนย้ายแรงงานหลังคำสั่งปิดแคมป์คนงานอย่างเคร่งครัด

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย
หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ทำหนังสือด่วนถึงผู้ว่าราชการทุกจังหวัด แจ้งถึงข้อกำหนดตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ฉบับที่ 25 ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป และ คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด – 19 ที่ 6/2564 เรื่องการกำหนดเขตพื้นที่สถานการณ์เป็น “พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด” 10 จังหวัด โดยให้รับทราบและถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด รวมถึงการสร้างการรับรู้กับ ผู้ประกอบการ พนักงาน ผู้ให้บริการ ผู้รับบริการ ประชาชน และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องทุกระดับ

ทั้งนี้ได้เน้นย้ำ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และจังหวัดปริมณฑล ให้หารือกับคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร หรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อดำเนินการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของกลุ่มแรงงาน และเขตชุมชน ดังนี้

1.กลุ่มแรงงานก่อสร้าง ถือปฏิบัติตามข้อกำหนดฯ ฉบับที่ 25 โดยหารือร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน พิจารณามีคำสั่งปิดสถานที่ก่อสร้าง ปิดสถานที่พักอาศัยชั่วคราว สำหรับคนงาน ให้หยุดงานก่อสร้าง และห้ามเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานเป็นการชั่วคราว ประสานการปฏิบัติกับฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ กระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการในการปฏิบัติตามคำสั่ง ตรวจสอบการดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการควบคุมโรค จัดทำทะเบียน รวมทั้งวางระบบในการตรวจตรา เฝ้าระวังมิให้แรงงานออกนอกพื้นที่ที่ถูกปิดอย่างเด็ดขาด โดยให้มีการประเมิน ติดตาม และรายงานผลการปฏิบัติด้วย

2.กลุ่มแรงงานในสถานประกอบการและโรงงาน เพื่อให้สถานประกอบการและโรงงาน
สามารถดำเนินกิจการได้ ให้หารือร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงสาธารณ์สุข วางระบบการดำเนินการตามมาตรการควบคุมโรคในพื้นที่เฉพาะ (Bubble and Seal) ตามที่ทางราชการกำหนด รวมทั้งการกำกับ หรือจำกัดการเคลื่อนย้ายเดินทางเข้าออกเขตพื้นที่สุถานประกอบการ
หรือโรงงาน

3.เขตชุมชน วางระบบให้พนักงานเจ้าหน้าที่และเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อเข้าไป
ตรวจตราเขตชุมชน ตลาด หรือสถานที่ที่ได้ประเมินแล้วว่ามีความเสี่ยงต่อการระบาดของโรค เข้าตรวจคัดกรองเชิงรุก และเร่งค้นหาผู้ติดเชื้อ เพื่อดำเนินการตามกระบวนการทางสาธารณสุข กรณีพบแหล่งที่มีการระบาดของโรคเป็นกลุ่มก้อนให้มีคำสั่งเพื่อดำเนินการควบคุมโรคตามมาตรการสาธารณสุขอย่างรวดเร็ว และเข้มงวด

5.จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา และจังหวัดสงขลา)
ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด หารือกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเน้นย้ำมาตรการการตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจ หรือจุดสกัด เพื่อตรวจคัดกรองการเดินทางอย่างเข้มข้น เพื่อสกัดกั้น
และยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด รวมทั้งทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่ งดการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดและออกนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

“กรณีมีเหตุจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัด ต้องแสดงบัตรประชาชน หรือบัตรแสดงตนอื่น ๆ ควบคู่กับเอกสารรับรองความจำเป็นที่ออกโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหรือ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่นั้น โดยให้ดำเนินการตามหลักเณฑ์การตรวจคัดกรองการเดินทางออกนอก พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา และจังหวัดสงขลา) ที่ส่งมาพร้อมนี้”

ส่วนจังหวัดอื่น ๆ นั้น กำชับวางระบบและมาตรการป้องกันโรค ให้ประสานการปฏิบัติกับฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจ หรือจุดสกัด เพื่อตรวจคัดกรองการเดินทางอย่างเข้มงวด รวมทั้งมอบหมายนายอำเภอ เพื่อแจ้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บูรณาการความร่วมมือในการติดตาม ค้นหา และคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้าหมู่บ้าน/ชุมชนทุกราย กรณีที่พบผู้เดินทางมาจากพื้นที่ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้ดำเนินมาตรการควบคุมและ ป้องกันโรคโดยการคุมไว้สังเกต ณ ที่พำนัก เป็นระยะเวลา 14 วัน นับแต่วันที่ผู้นั้นเดินทางเข้ามายังพื้นที่/หมู่บ้าน และให้งดหรือหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ นอกหมู่บ้าน/ชุมชนโดยเด็ดขาด หากพบเชื้อให้แยกกัก หรือกักกันตามมาตรการที่ทางราชการกำหนด ทั้งนี้ ให้ทำบัญชีรายชื่อผู้ที่เดินทางเข้าหมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อรวบรวมส่งให้อำเภอบันทึกข้อมูลเข้าระบบรายงานข้อมูลผู้เดินทางเข้าหมู่บ้าน/ชุมชน (Thai Quarantine Monitor : Thai QM) ต่อไป

ขณะเดียวกันในคำสั่งของกระทรวงมหาดไทย มอบหมายหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำความเข้าใจกับ
ผู้ประกอบการในพื้นที่ ไม่ให้รับแรงงานต่างด้าวที่เดินทางจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เข้าทำงานในสถานประกอบการ เนื่องจากจะมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโควิด – 19 ในพื้นที่ และอาจต้องถูกดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป

อีกทั้ง ขอให้ประสานการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
ด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปม.ตร.) และศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงเหล่าทัพ (ศปม.เหล่าทัพ ในพื้นที่ เพื่อวางแผนในการจัดวางกำลังและการปฏิบัติ ในพื้นที่รับผิดชอบ โดยให้ร้องขอ
กำลังสนับสนุนจากหน่วยงานของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงในพื้นที่

อย่างไรก็ตาม กรณีคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร หรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ได้มีมติให้ออกประกาศหรือคำสั่ง ให้ส่งประกาศหรือคำสั่งให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท .) ทราบโดยเร็ว เพื่อรายงานสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป รวมทั้งให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับทราบประกาศหรือคำสั่งโดยทั่วกัน.