ไม่เลื่อนคนละครึ่ง! นายกฯ ยันเดินหน้าตามแผนเดิม พร้อมเคาะมาตรการเยียวยา “ผู้ประกอบการ – ลูกจ้าง” ที่ถูกสั่งปิดตามประกาศฉบับที่ 25 เป็นเวลา 1 เดือน คาดใช้งบ 7,500 ล้านบาท

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมหารือถึงการเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด–19) และมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมสำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากคำสั่งมาตรการการแพร่ระบาด COVID-19 ตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 25) ใน 6 จังหวัดก่อน เป็นระยะเวลา 1 เดือน โดยรัฐบาลและกองทุนประกันสังคมได้เตรียมงบประมาณไว้แล้ว ประมาณ 7,500 ล้านบาท สำหรับกิจการใน 6 จังหวัด ได้แก่ ก่อสร้าง ที่พักแรมอำนวยการด้านอาหาร ศิลปะบันเทิง และนันทนาการ โดยรัฐบาลจะได้จ่ายเพิ่มเติมให้ลูกจ้าง ในระบบประกันสังคมจำนวน 2,000 บาท ต่อคน ส่วนนายจ้างหรือผู้ประกอบการจะได้รับเงินช่วยเหลือ 3,000 บาท/คน ของลูกจ้างที่อยู่ในสถานประกอบการหรือบริษัทสูงสุดไม่เกิน 200 คน เป็นเวลา 1 เดือน รวมถึงกระทรวงแรงงานเข้าไปดูแลในการชดเชย 50% ของค่าจ้าง รวมทั้งการดูในเรื่องอาหารด้วย โดยเฉพาะจะพิจารณานำอาหารจากร้านผู้ประกอบการรายย่อยเข้าไปช่วยสนับสนุนจัดส่งให้กับแคมป์คนงานที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งจะสามารถช่วยสร้างรายได้ ผู้ประกอบการร้านอาหารได้อีกทางหนึ่ง

นายกรัฐมนตรียืนยันว่า รัฐบาลดูแลประชาชนทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบในขณะนี้ และจะดำเนินการทุกอย่างอย่างเป็นระบบ รอบคอบรัดกุม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต ทั้งนี้มาตรการ ดูแลผลกระทบดังกล่าว จะนำเข้าหารือที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้

นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า วันนี้ได้มีการหารือกันในส่วนภาครัฐ กระทรวงที่เกี่ยวข้อง บุคลากรทางการแพทย์เพื่อรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วนก่อนออกมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะผู้ได้รับผลกระทบในคลัสเตอร์แรงงานและ 6 จังหวัด ตามที่ได้ประกาศออกไป ซึ่งในระยะต่อไปก็จะมีการดำเนินการให้ทั่วถึง ไปยังกิจกรรมอื่นๆ ด้วยเหมือนเช่นที่ผ่านมา รวมทั้งจะมีการพิจารณามาตรการใหม่ๆ ออกมาด้วย ส่วนโครงการคนละครึ่ง ก็ยังดำเนินการ เป็นไปตามกำหนดที่วางไว้ ในวันที่ 1 ก.ค.นี้

นายกรัฐมนตรียังแสดงความห่วงใยกรณีที่มีแรงงานหนีกลับบ้านนั้น ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจพลเรือนปฏิบัติหน้าที่ดูแล เพื่อป้องกันการเคลื่อนย้ายกลับบ้าน เพื่อป้องกันระมัดระวังไม่ให้ไปแพร่เชื้อที่อื่น พร้อมยืนยันภูเก็ต sandbox จะเปิดในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ควบคู่กับการมีมาตรการด้านสาธารณสุขในการดูแลอย่างเหมาะสม เป็นไปตามที่กำหนดและขอให้ทุกคนช่วยกัน

ส่วนเรื่องเตียงสนาม นายกรัฐมนตรี ย้ำกำลังเร่งดำเนินการโดยเฉพาะในส่วนสีแดงให้ได้มากขึ้น เพราะนอกจากมีเครื่องมือ สถานที่แล้ว สิ่งสำคัญต้องมีบุคลากรทางการแพทย์ โดยจะพิจารณานำบุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังจะจบเข้ามาช่วยอีกทางหนึ่ง ซึ่งการดำเนินการทุกอย่างมีการรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วนรวมถึงภาคประชาชน ก่อนนำมาสู่การออกมาตรการต่างๆ

นายกรัฐมนตรียังยืนยันไม่หวั่นไหวกับสถานการณ์ม็อบ ที่มีการเคลื่อนไหว เพราะทำทุกอย่างด้วยเจตนารมณ์บริสุทธิ์และรักประชาชน ขณะนี้ทุกภาคส่วนและภาครัฐบาลช่วยกันทั้งหมดในการดำเนินการอย่างเต็มที่ในการดูแลประชาชน.