จะได้ฉีดแล้ว! สหรัฐฯ บริจาควัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส คาดถึงไทยปลายเดือน ก.ค.นี้ ด้าน สธ.เร่งฉีดให้กับบุคคล 3 กลุ่มตามเป้าหมาย ศบค.
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวการจัดหาวัคซีนโควิด-19 และมาตรการล็อคดาวน์เพื่อควบคุมโรคโควิด-19 โดยนายแพทย์โอภาส กล่าวว่า วันนี้กรมควบคุมโรคและบริษัทไฟเซอร์ จำกัด ได้ลงนามสัญญาจัดหาวัคซีน mRNA จำนวน 20 ล้านโดส หลังจาก ครม.อนุมัติให้ลงนาม จะส่งมอบตามแผนภายในไตรมาส 4 ปี 2564 ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาบริจาคให้ประเทศไทย 1.5 ล้านโดสจะมาปลายเดือนกรกฎาคมนี้ คาดว่าจะเริ่มฉีดได้ช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่ง ศบค.เห็นชอบกำหนดกลุ่มเป้าหมาย คือ 1.บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโควิดที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว เพื่อกระตุ้นเป็นเข็ม 3 หรือบูสเตอร์โดส 2.กลุ่มผู้สูงอายุหรือกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ระบาด และ 3.ชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ระบาด
“กระทรวงสาธารณสุขให้แต่ละจังหวัดแจ้งยอดกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าในการรับวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งเป็นกลุ่มแรกที่จะดำเนินการฉีดก่อน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบถามข้อมูล ดังนั้น ข่าวที่ว่ามีโรงพยาบาลหลายแห่งส่งข้อมูลไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร จะมีการสอบทานเพื่อให้ได้จำนวนที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและแจ้งมายังส่วนกลางต่อไป”
นายแพทย์โอภาสกล่าวต่อว่า การจัดหาวัคซีนโควิด-19 มีการลงนามจองซื้อและจะส่งมอบตามสัญญาจำนวน 100 ล้านโดสในปี 2564 ได้แก่ แอสตร้าเซนเนก้า 61 ล้านโดส ซิโนแวค 19 ล้านโดส และไฟเซอร์ 20 ล้านโดส แต่ความต้องการฉีดวัคซีนของประชาชนมีจำนวนมาก กระทรวงสาธารณสุขจะจัดหาเพิ่มเติมและแจ้งความคืบหน้าต่อไป สำหรับการลงนาม 3 ฝ่ายระหว่างกรมควบคุมโรค แอสตร้าเซนเนก้า และสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2563 มีข้อตกลงว่าจะไม่เปิดเผยความลับในสัญญา ถ้าจะเปิดเผยต้องได้รับความยินยอม 3 ฝ่าย มิเช่นนั้นถือว่าทำผิดสัญญาและอาจถูกยกเลิกไม่มีการส่งวัคซีนให้ประเทศไทยได้ ทั้งนี้ ในสัญญาไม่ได้มีประเด็นอะไรซับซ้อน แต่ภาคเอกชนคำนึงถึงความลับทางการค้าที่อาจมีผลกับการทำสัญญากับอีกหลายประเทศ.