“ชญาภา” วอน “ประยุทธ์” ตื่นตัวรับมือ “โอไมครอน” อย่าวัวหายล้อมคอกแล้วโยนบาปประชาชน
นางสาวชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอไมครอนอยู่ในกลุ่ม “สายพันธุ์น่าวิตกกังวล” ทำให้หลายประเทศตื่นตัว ปรับมาตรการและยกระดับการเตือนภัยเป็นขั้นสูงสุดแล้ว เช่น ญี่ปุ่นที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงสุดในกลุ่ม G7 หรือกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 7 ประเทศ ประกาศปิดพรมแดน อิสราเอลที่ฉีดวัคซีนรวดเร็ว ครอบคลุมประชากรมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก ก็ประกาศปิดพรมแดน หรือแม้แต่สิงคโปร์ที่ประชากรได้รับวัคซีนตามเป้ายังปรับแผนการเดินทางเข้าพรมแดน เห็นได้ว่ารัฐบาลทั่วโลกมีการประเมินสถานการณ์การระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ที่เป็นที่น่ากังวลเพื่อปกป้องประชาชนในประเทศ แต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กลับบอกประชาชนว่าอย่าวิตกกังวล ไร้มาตรการเชิงรุก บริหารประเทศตรงข้ามกับทั่วโลกที่เฝ้าระวังภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งที่จริงรัฐบาลต้องมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง ตระหนัก ตื่นตัว และต้องเตรียมตัว เพราะยังมีคนไทยอีก 10 ล้านคนยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มแรก
นางสาวชญาภากล่าวอีกว่า มีความน่ากังวลว่าทุกครั้งที่มีการระบาดในต่างประเทศไม่นาน ก็ตามมาด้วยการระบาดต่อในไทยทุกระลอก อย่าลืมว่าสายพันธุ์โอไมครอนกำลังมา ส่วนสายพันธุ์เดลตาก็ยังอยู่ รัฐบาลต้องเตรียมพร้อมและคำนึงถึงขีดความสามารถด้านสาธารณสุขทุกด้าน ถอดบทเรียนจากการระบาดของสายพันธุ์เดลตามาปรับใช้และศึกษาการระบาดของโอไมครอนอย่างใกล้ชิด อย่าบริหารแบบวัวหายแล้วล้อมคอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายเมื่อเกิดปัญหาก็โยนบาปให้ประชาชนเหมือนที่ผ่านมา
“แม้ไทยปรับแผนกลับมาใช้การตรวจแบบ RT-PCR กับนักท่องเที่ยวแล้ว แต่ชุดตรวจที่ทั่วโลกให้การรับรองอย่าง DnaNudge ที่มีความเร็วและมีประสิทธิภาพแม่นยำสูง สามารถตรวจหาเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ได้ถึง 100% ซึ่งน่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งของพี่น้องคนไทย จึงอยากให้รัฐบาลคำนึงถึงความปลอดภัยของชีวิตประชาชนเป็นที่ตั้งมากกว่าเรื่องอื่น” นางสาวชญาภากล่าว.