“เอสเธอร์” เข้าให้ข้อมูล PCT-ปัดเป็นหุ้นส่วนแอพ “spell” พร้อมบอกเลิกสัญญาพรีเซนเตอร์
น.ส.เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา หรือ เอสเธอร์ ดารานักแสดงหญิงชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อชี้แจงกรณีได้รับการว่าจ้างให้เป็นพรีเซนเตอร์ของแอปพลิเคชัน Spell ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันขายสินค้าในราคาถูก โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการเป็นหุ้นส่วนของบริษัท ทู เท็น ทู เทรด จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดทำแอปพลิเคชันดังกล่าวแต่อย่างใด พร้อมทั้งชี้แจงว่าบัญชีของครอบครัวนั้นก็ถูกปิดการใช้งานเช่นกัน
นอกจากนี้ เอสเธอร์ยังเปิดเผยอีกว่า สำหรับส่วนตัวรู้สึกถึงความผิดปกติในการดำเนินงานของทางบริษัทเหมือนกัน ประกอบกับในช่วงระยะหลังมานี้มีประชาชนจำนวนมากที่หลงตกเป็นเหยื่อในการกระทำความผิดของบริษัท จนได้รับความเดือดร้อน ซึ่งโดยส่วนตัวก็ติดต่อกลับไปยังผู้บริหารของทางบริษัทผู้ว่าจ้างอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้
ในเบื้องต้น น.ส.เอสเธอร์ได้ดำเนินการยกเลิกสัญญาในฐานะพรีเซนเตอร์ของแอปพลิเคชั่นดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา พร้อมเดินหน้าที่จะดำเนินการทางคดีในเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด
โดยในวันที่ 7 ม.ค. 65 เวลา 10.00 น. น.ส.เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา พร้อมด้วยนายภูภูมิ พงศ์ภาณุภาค
หรือเคน ภูภูมิ นักแสดงชายเพื่อนสนิท ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ช่วยติดตามกลุ่มผู้กระทำความผิดที่ได้หลอกลวงว่าจ้างให้มาเป็นพรีเซนเตอร์ ณ ที่ทำการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (PCT) ชั้น 1 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการนี้
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ฯ ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ที่ 1 เป็นผู้แทน ในการรับเรื่องร้องเรียนครั้งนี้
สำหรับแอปพลิเคชัน Spell ซึ่งมีการทำงานผ่านเว็บไซต์ www.firshop.com คือ แอปพลิเคชันขายสินค้าที่มีราคาขายต่ำกว่าท้องตลาดถึง 30-80%
แต่มีข้อกำหนดให้ผู้ซื้อสินค้าหาสมาชิกที่ต้องการลงทุน ซึ่งเรียกว่าการหั่นราคา สมัครและโอนเงินลงทุนเข้าสู่ระบบ โดยอ้างว่าสมาชิกที่ลงเงินหั่นราคา เท่าราคาสินค้าของผู้ซื้อ คือ ผู้ลงทุน และจะได้เงินต้นดังกล่าวคืนพร้อมปันผล 10-20% เมื่อครบกำหนดเวลาที่ระบบกำหนด
ในระยะแรกมีการดำเนินการและแบ่งปันผลได้จริงเพื่อเพิ่มความน่าเขื่อถือ ซึ่งวิธีการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ดังกล่าว เป็นเพียงการสร้างเงื่อนไขเพิ่มเติมให้เหยื่อหลงเชื่อ แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นอุบายในการชักชวนให้หาสมาชิกเพิ่ม เพื่อให้มีจำนวนเงินเข้าระบบมากขึ้น จากนั้นจะนำเงินจากสมาชิกลูกข่าย มาจ่ายปันผลให้กับสมาชิกต้นทาง ซึ่งไม่ได้เกิดจากการประกอบการธุรกิจที่มีผลกำไรอยู่จริง ซึ่งมีรูปแบบแผนคล้ายกับระบบแชร์ลูกโซ่
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหา อีกทั้งมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจหลงกลโกงของกลุ่มมิจฉาชีพ รวมถึงกลุ่มดารา นักแสดง ที่อาจหลงกลตกเป็นเครื่องมือของการกระทำความผิด จึงขอประชาสัมพันธ์มายังพี่น้องประชาชน ให้โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจต่างๆ ควรมีการศึกษาข้อมูลให้ละเอียดรอบคอบ โดยเฉพาะในเรื่องของการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเงิน การลงทุน หวังผลกำไรระยะสั้น
หากท่านใดมีข้อร้องเรียนหรือต้องการแจ้งความร้องทุกข์ สามารถติดต่อ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศูนย์ PCT) สายด่วน 1599 ตลอด 24 ชม. หรือ สายตรง 081-866-3000 เฉพาะเวลาราชการ.