“ไตรรงค์” เชียร์ “อรรถวิชช์” ภาพพจน์สภาฯ ตกต่ำ ต้องแก้ด้วยนักการเมืองคุณภาพ
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมจตุจักร – หลักสี่ เบอร์ 2 พรรคกล้า เข้าพบนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี เพื่อขอพรก่อนการลงเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งเป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติของนายอรรถวิชช์ ช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้งทุกครั้ง
นายไตรรงค์กล่าวว่า ทุกวันนี้ใครแพ้ชนะ ไม่มีความหมายในแง่ปริมาณ เพราะเสถียรภาพรัฐบาลก็ยังมีอยู่ แต่มองว่าเรื่องคุณภาพของคนที่เข้าไปเป็นเรื่องสำคัญ เพราะภาพพจน์ของสภาฯ ตกต่ำไปมาก ส.ส.หลายคนทำผิดไปเยอะ ประพฤติชั่วทั้งกาย วาจา ใจ วาจาทุจริต มโนทุจริต เมื่อเห็นว่าอยู่ต่างขั้ว ก็พูดอัดกันไม่มีความเกรงใจกัน มีการพูดโกหกกันในสภาฯ หน้าตาเฉย คิดแต่คำพูดว่าด่าให้เจ็บกว่ากัน ไม่มีสาระในการพูด มีการปล่อยข่าวกันเยอะ ทำให้สภามีความเสียหาย ดังนั้นต้องเลือกผู้แทนราษฎรที่มีคุณภาพ อะไรที่ทำดีก็ว่าดี อะไรที่ไม่ดีก็ต้องบอกว่าไม่ดีอย่างไร ไม่ใช่ด่าเอาเป็นเอาตาย ต้องมีทางออกให้ด้วย
นายไตรรงค์กล่าวว่า รู้จักนายอรรถวิชช์มา ตลอดที่ทำการเมืองร่วมกัน เป็นคนพูดจามีเหตุผล ไม่หยาบคาย ไม่พูดเท็จ ไม่ส่อเสียด มีวิชาความรู้ในระดับชาติ ดูแลคนในเขตตลอด ถ้ามีสิทธิ ก็จะเลือกคนที่มีคุณภาพเป็นที่ประจักษ์ เลือกนายอรรถวิชช์ พร้อมฝากประชาชนให้เลือก ส.ส.ที่มีคุณภาพ เชื่อว่ามีคนอีกจำนวนหนึ่งที่คิดเหมือนตนเอง อยากเลือกคนที่มีคุณภาพ และอยากให้นายอรรถวิชช์ได้รับเลือกตั้ง แม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมรอบนี้ แต่เชื่อว่าสมาชิกประชาธิปัตย์ยังคงผูกพันกับอดีต ส.ส.คนนี้ พร้อมอวยพรให้นายอรรถวิชช์ชนะการเลือกตั้งในสนามนี้ ผลออกมาอย่างไร ต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน
ด้านนายอรรถวิชช์กล่าวว่า ท่ามกลางการเมืองที่แบ่งข้างมากเกินไป คนเลือกกัน 2 อย่าง คือเลือกด้วยความเกลียดหรือความกลัว จึงเลือกออกมาทำพรรคการเมืองเอง อยากนำเสนอการเมืองมีคุณภาพและสร้างสรรค์ ซึ่งจะทำให้ไปสู่เป้าหมายชาติอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่รู้ว่าอารมณ์การเสนอแนวทางนี้จะเดินไปได้หรือไม่ จึงตัดสินใจลงสมัครครั้งนี้ด้วยตัวเอง แต่ยังเป็นห่วงเรื่องการซื้อสิทธิ์ขายเสียง จึงอยากให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ให้มากเกินกว่าร้อยละ 70 การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้สื่อมวลชนให้ความสนใจ ถ้าประชาชนออกมามากเท่าไหร่ แน่นอนว่าจะเป็นเสียงที่บริสุทธิ์
นายไตรรงค์ยังกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองไม่มั่นคง มีกระแสการปฏิวัติที่ฝ่ายค้านออกมาพูดถึงว่า ไม่มีกลิ่นปฏิวัติ ซึ่งในครอบครัวเป็นคนในกองทัพทั้งหมดหากมีความเคลื่อนไหวอะไร ก็น่าจะรู้เป็นคนแรกๆ และไม่ได้เป็นห่วงเสถียรภาพรัฐบาล เพราะพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันว่าไม่มีปัญหา เพราะรัฐบาลเองก็ไม่มีปัญหาอะไร ส.ส.ที่ถูกขับออกไปจากพรรคพลังประชารัฐ ก็ยังสนับสนุนรัฐบาลเหมือนเดิม เพราะเป็นเทคนิคหนึ่งที่แยกออกไป
ส่วนมีโอกาสจะยุบสภาหรือไม่ นายไตรรงค์ กล่าวว่า ต้องรอให้รัฐสภาออกกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับก่อน หลังจากนั้นจะคิดยุบสภาหรือเลือกตั้งใหม่ก็ว่ากันไป แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าเมื่อกฎหมายลูกออกมาแล้ว อาจจะมียุบสภาเลยหรือไม่ ปกติรัฐบาลแบบผสม ส่วนใหญ่จะไม่ครบ 4 ปี ถ้ามีความเหมาะสมก็จะมีการยุบสภาเลือกใหม่ได้ ถ้าต้องการให้ประชาชนพิพากษา ว่าจะเอายังไงกับประเทศ รัฐบาลก็ยุบสภาได้ หากยุบตอนนี้จะเลือกตั้งอย่างไร ยังไงก็ต้องรอกฎหมายลูกเสร็จสิ้น ถ้าออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ก็ไม่ยุติธรรมกับพรรคฝ่ายค้าน เพราะการออก พ.ร.ก.รัฐบาลสามารถเขียนกฎหมายให้เข้าข้างพรรครัฐบาลได้ ดังนั้นจะต้องออกเป็นพระราชบัญญัติ เพื่อให้ทุกฝ่ายร่วมกันกรองก่อนว่าเหมาะหรือไม่เหมาะ.