“จนท.อุทยานแก่งกระจาน” จับหนุ่มลักลอบล่า “เก้ง” พร้อมปืนลูกซอง
คณะพนักงานเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานออกลาดตระเวนป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ภายในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ขณะออกตรวจไปถึงบริเวณพิกัด 47P 565576 1378960 บริเวณพื้นที่ป่าซอยทุ่งกระทิง หมู่ที่ 9 บ้านโป่งสำโหรง ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ได้สังเกตเห็นร่องรอยหยดเลือดหยดเป็นทาง จึงได้ร่วมกันสะกดรอยตามเส้นทางของหยดเลือด จนกระทั่งสะกดรอยมาถึงบริเวณพิกัด 47P 565600 1378646 ปรากฏพบบุคคลชาย 1 คนกำลังชำแหละซากสัตว์ป่าอยู่ใต้ต้นไม้ จากนั้นพนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้ซุ่มดูอยู่ครู่หนึ่ง โดยมีพฤติการณ์ใช้เชือกรัดคอซากสัตว์ป่าแขวนไว้กับกิ่งต้นไม้แล้วใช้อาวุธมีดแล่หนังออก เมื่อชำแหละหนังออกแล้วเสร็จบุคคลชายดังกล่าวจึงได้แขวนหนังของซากสัตว์ป่าไว้ที่ใต้ต้นไม้
ต่อมาชายบุคคลดังกล่าวได้พบความผิดปกติและสังเกตเห็นคณะพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงรีบวิ่งนำซากสัตว์ป่าที่ชำแหละหนังออกแล้วเป็นตัวไปทิ้งเพื่ออำพรางความผิด ในขณะเดียวกันพนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีอำนาจและหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้และติดตามไปจับกุมตัวชายคนดังกล่าวพร้อมซากสัตว์ป่าที่นำไปทิ้งได้บริเวณพิกัด 47P 565584 1378928
คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว จึงได้แจ้งรายงานต่อผู้บังคับบัญชาทราบ ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นำโดยนายอรรถพงษ์ เภาอ่อน ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นายกษิดิศ จั่นประดับ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้ร่วมกันเดินทางเพื่อเข้าตรวจสอบพื้นที่ เกิดเหตุ เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณพิกัด 47P 565596 1378892 ป่าซอยทุ่งกระทิง หมู่ที่ 9 บ้านโป่งสำโหรง ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นบ้านพักของบุคคลชาย ที่ก่อเหตุดังกล่าวและเป็นบริเวณใกล้เคียงกับที่ชำแหละซากสัตว์ป่า คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันดำเนินการดังนี้
1.คณะพนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตนว่าเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่และได้ดำเนินการตรวจสอบซากสัตว์ป่าดังกล่าวว่าเป็นสัตว์ป่าชนิดใด ผลจากการตรวจสอบปรากฏพบว่าเป็นซากอีเก้ง หรือเก้ง หรือ ฟาน (Muntiacus muntjak) ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองลำดับที่ 198 ร่องรอยของซากสัตว์เก้งดังกล่าว มีรอยกระสุนปืนทะลุบริเวณต้นขาหลังด้านซ้ายเข้าสู่ด้านในจนทำให้เสียชีวิต คณะพนักงานเจ้าหน้าที่จึงทำการควบคุมตัวบุคคลดังกล่าวไว้ สอบถามชายคนดังกล่าว ทราบชื่อคือนายนิคม นาคพี่น้อง อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66 หมู่ที่ 9 ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
2.ดำเนินตรวจค้นบริเวณโดยรอบของสถานที่เกิดเหตุ ผลจากการตรวจค้นบริเวณโดยรอบโดยละเอียด ปรากฏพบ
-ปืนลูกซองเดี่ยว ยาว เบอร์ 12 จำนวน 1 กระบอก
ไม่ปรากฏเลขทะเบียน (ไม่ทราบยี่ห้อ)
-กระสุนลูกซองเบอร์ 12 บรรจุในรังเพลิง จำนวน 1 นัด
-กระเป๋าเป้ จำนวน 1 ใบ ข้างในบรรจุกระสุนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 6 ลูก, ปลอกกระสุนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 2 ลูก, ตะกั่ว 1 แท่ง, ลูกตะกั่วหัวจีบ 34 ลูก
3.คณะพนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้สอบถามนายนิคม นาคพี่น้อง ว่าอาวุธปืน พร้อมด้วยเครื่องกระสุน ทั้งหมดเป็นของผู้ใด นายนิคมได้ให้ถ้อยคำว่าอาวุธปืน พร้อมด้วยเครื่องกระสุน ทั้งหมดเป็นของตนเอง ซึ่งเป็นผู้นำมาทิ้งไว้เพราะกลัวความผิด
4.คณะเจ้าหน้าที่ฯ ได้ทำการสอบถามนายนิคมว่า ซากสัตว์เก้งที่ชำแหละนั้นได้มาอย่างไร นายนิคมให้การรับสารภาพว่าได้นำอาวุธปืน พร้อมเครื่องกระสุน เข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเพื่อทำการล่าสัตว์ป่า ซึ่งจุดที่ยิงเก้งตัวนี้อยู่ห่างจากบ้านขึ้นไปทางทิศเหนือประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งนั่นหมายถึงเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จากนั้นเมื่อยิงเก้งตายจึงนำมาชำแหละบริเวณบ้าน จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมในที่สุด
คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบแล้ว ซากสัตว์ป่าที่ตรวจพบซึ่งอยู่ในความครอบครองของนายนิคม นาคพี่น้อง มีสถานะดังนี้
1) อีเก้ง หรือเก้ง หรือ ฟาน (Muntiacus muntjak) เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองลำดับที่ 198 ตามกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ.2546 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 และถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ตามความในมาตรา 116
คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันพิจารณาแล้ว การกระทำดังกล่าวข้างต้นทั้งหมดของนายนิคม นาคพี่น้อง เป็นการกระทำความผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ดังนี้
1.ฐาน “ล่อหรือนำสัตว์ป่าออกไปหรือกระทำให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ป่าด้วยประการใดๆ” ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 19 (3) และมาตรา 43
2.ฐาน “เข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์ ภายในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 19 (6) และมาตรา 44
3.ฐาน “นำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์ หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใดๆ เข้าไปภายในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19 (7) และมาตรา 45
4.ฐาน “ยิงปืน ทำให้ระเบิด หรือจุดดอกไม้เพลิง ภายในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19 (8) และมาตรา 44
5.ฐาน “ห้ามมิให้ผู้ใด ล่า หรือพยายามล่า สัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 มาตรา 12 และมาตรา 89
6.ฐาน “ห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครอบครองซึ่ง สัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 มาตรา 17 และมาตรา 92
7.ผู้ใดกระทำการหรืองดเว้นกระทำไม่ว่าจงใจหรือประมาทเลินเล่อโดยมิชอบด้วยกฎหมายและก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติ ผู้นั้นต้องชดใช้ค่าเสียหายตามมูลค่าของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลาย ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 มาตรา 87 มาตรา 88
8.ในการดำเนินคดีอาญาแก่ผู้ฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ เมื่อพนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีอาญา ให้เรียกค่าเสียหายตามมาตรา 87 หรือ มาตรา 88 ไปในคราวเดียวกัน ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 มาตรา 107
9.ฐาน “ห้ามมิให้ผู้ใด ทำ ซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า ซึ่งอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่” ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72
พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับได้นำตัวนายนิคม นาคพี่น้อง ผู้ถูกจับ พร้อมของกลางและเอกสารที่เกี่ยวข้องไปแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหนองพลับ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยมอบให้นายบุญช่วย หงษ์ทอง พนักงานราชการ ตำแหน่ง พนักงานพิทักษ์ป่า เป็นผู้แจ้งความกล่าวโทษ และนายวันชัย หน่อทิม พนักงานราชการ ตำแหน่ง คนงาน เป็นพยาน ตามลำดับ และในการตรวจยึดจับกุมครั้งนี้ คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนฯ ตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป.