“บิ๊กป้อม” ประชุม กอนช.ย้ำทุกหน่วยติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำ-หากเกิดอุทกภัยและภัยแล้งต้องเข้าช่วยเหลือประชาชนทันที
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) และคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ต่อเนื่องกันไป ผ่านระบบ VTC ณ ห้องประชุม 301 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือตามกรอบแนวทาง 13 มาตรการรับมือฤดูฝน และสถานการณ์ภัยแล้งที่จะเกิดขึ้น
ที่ประชุมรับทราบ และติดตามการดำเนินการของหน่วยต่างๆ ตามมาตรการที่เกี่ยวข้อง จากผลกระทบจากพายุโซนร้อน “มู่หลาน” ใน 29 จังหวัด รวมทั้ง รายงานสภาพอากาศและสถาการณ์น้ำ 3 เดือน (ก.ย.-พ.ย.) และความก้าวหน้าในการดำเนินการตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 65 และรับทราบการปรับการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา 1,500 – 2,000 ลบ.ม./วินาที ซึ่งอาจมีผลให้น้ำเอ่อล้นพื้นที่ท้ายน้ำ 2 ฝั่งในจังหวัดสิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา
ต่อจากนั้นได้ร่วมพิจารณาและให้ความเห็นชอบ กรอบโครงสร้างและรูปแบบการดำเนินการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า ที่จะจัดต้ังขึ้นใน 4 พื้นที่ ในจังหวัดพิษณุโลก ชัยนาท อุบลราชธานี และสุราษฎร์ธานี โดยให้พิจารณาจากการคาดการณ์สภาพอากาศ ปริมาณน้ำฝน รวมทั้งปริมาณน้ำในเขื่อนและน้ำท่า
โดย พล.อ.ประวิตรได้ย้ำสั่งการกระทรวงมหาดไทยโดยผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีแนวโน้มจะเกิดน้ำท่วม ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ชี้เป้า มีความตื่นตัวและให้ขับเคลื่อนแผนการปฏิบัติเชิงรุกป้องกันน้ำท่วมตาม 13 มาตรการ ตามที่คณะกรรมการน้ำแห่งชาติ (กนช.) เห็นชอบให้เป็นรูปธรรม เน้นความรวดเร็วและกระจายการช่วยเหลือให้ทั่วถึง โดยให้พิจารณาปรับแผนให้ทันต่อสถานการณ์ ควบคู่กับการเร่งทำความเข้าใจกับประชาชน เพื่อป้องกันและลดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
ทั้งนี้ ขอให้ สทนช.ประสานการทำงานร่วมกับ กรมชลประทาน มีแผนสำรองและมาตราการรองรับการหน่วงน้ำ ผันน้ำ ประกอบการตัดสินใจ โดยพยายามให้ประชาชนในพื้นที่ท้ายน้ำได้รับผลกระทบน้อยที่สุด.