กนอ. จับมือ ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค ผุด “นิคมฯปิ่นทอง 8” แล้วเสร็จปี 70 คาดดึงเม็ดเงินการลงทุนกว่า 33,000 ล้านบาท

“การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จับมือ บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) ลงนามในสัญญาดำเนินงานโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ 8) รองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย สอดรับนโยบาย Thailand 4.0 คาดเปิดดำเนินงานปี 2570 ปั้นเงินลงทุน 33,400 ล้านบาท จ้างงานมากกว่า 8 พันอัตรา”

นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) รักษาการ ในตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. กล่าวแสดงความยินดีหลังการร่วมลงนามในสัญญาร่วมดำเนินงานโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ 8) กับ บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) ว่า บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) ถือเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่สำคัญยิ่งของ กนอ. ในการร่วมมือกันดำเนินโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ 8) ซึ่งจะเป็นนิคมอุตสาหกรรมภายใต้การกำกับดูแลของ กนอ. โดยการพัฒนาโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ 8) เป็นโครงการที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย Thailand 4.0 ช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตอุตสาหกรรมบนฐานของเทคโนโลยีสมัยใหม่และนวัตกรรม
“ด้วยศักยภาพ และ ความพร้อมของบริษัท ปิ่นทองฯ ผมเชื่อว่านิคมฯแห่งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน รวมทั้งเป็นนิมิตหมายที่ดีในการสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศ โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินงานร่วมกับ กนอ. มาอย่างยาวนาน ประกอบกับ บริษัทฯ มีประสบการณ์ด้านการพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมมาหลายโครงการฯ ซึ่งปัจจุบันมีถึง 7 โครงการฯ และโครงการนี้เป็นโครงการที่ 8 เพื่อรองรับการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ โลจิสติกส์ อุตสาหกรรมสะอาด และรวมถึงอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมจาก BOI และ EEC ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับนโยบายของพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก” นายสุเมธ กล่าว

สำหรับโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ 8) ตั้งอยู่ในตำบลหนองขาม อำเภอ ศรีราชา จังหวัดชลบุรี พื้นที่ประมาณ 1,101-3-96.3 ไร่ เป็นรูปแบบนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน โดยเอกชนเป็นผู้ลงทุน พัฒนา และให้บริการระบบสาธารณูปโภคภายใต้การกำกับดูแลของ กนอ. ทั้งนี้ เมื่อมีการพัฒนาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ภายใต้เงินลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค ประมาณ 2,100 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี ภายในโครงการมีการออกแบบระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมจัดสรรพื้นที่สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภค และพื้นที่สีเขียวอย่างลงตัว คาดสามารถเปิดดำเนินการได้ในปี 2570 ซึ่งภายหลังเปิดดำเนินโครงการคาดว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ประมาณ 33,400 ล้านบาท เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นประมาณ 8,350 คน