‘บิ๊กตู่’ อำลาสื่อทำเนียบ อยู่นาน 9 ปี จากนี้ถึงเวลาพักผ่อน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม หลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกมาให้สัมภาษณ์อย่างอารมณ์ดี ระหว่างเดินออกมา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวหยอกล้อสื่อมวลชนทันทีว่า “โอ๊ย! นักข่าวเยอะจริงๆ เลยนะ”
ก่อนเดินมาที่โพเดียมแถลงข่าวพร้อมกล่าวอีกว่า “ถ่ายรูปอย่างเดียวดีกว่า เพราะพูดมาเยอะแล้ว”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวภายหลังถูกถามถึงการประชุม ครม.นัดสุดท้ายว่า สุดท้ายอะไร ฉันยังอยู่ตรงนี้อีกตั้งหลายวัน จะรีบเร่งให้ฉันไปไหน แต่วันนี้เป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของ ครม. โดยประเมินจากสถานการณ์กำหนดการ ขั้นตอน และวิธีการในการดำเนินการ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการทั้งสิ้น ถือว่าเป็นไปตามกระบวนการปกติ ขอเรียนว่าวันนี้ยังคงต้องดูแลตามหน้าที่ของรัฐบาลรักษาการและนายกฯ รักษาการในส่วนที่ทำได้ตามกฎหมาย
“ต้องขอบคุณทุกคน สื่อมวลชนที่รักทุกคน เราไม่ได้มีอะไรกันอยู่แล้ว เรารักกันหลายปีที่ผ่านมา อยู่ด้วยกันมาก็เข้าใจ เป็นการทำงานของสื่อ ผมก็พยายามไม่ไปก้าวล่วงอยู่แล้ว และต้องขออภัยหากดุไปสักนิด นิดเดียวเนอะ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวว่า การประชุม ครม.วันนี้ไม่มีอะไร เป็นการเสนอมาตามกระบวนการปกติในการพิจารณา เรื่องค่อนข้างจะน้อยลง เพราะต้องระวังในการใช้อำนาจของ ครม.ตามมาตรา 169 ซึ่งทุกคนทราบดี สื่อมีอะไรจะถามหรือไม่
เมื่อถามว่า ก่อนจะเปลี่ยนไปรัฐบาลใหม่อยากจะฝากอะไรไว้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คงไม่ต้องฝาก ต้องปล่อยให้รัฐบาลใหม่เขาดำเนินการ นายกฯ ก็มี ครม.ใหม่ก็มี เป็นเรื่องของคนต่อไป และเป็นเรื่องของมารยาท ไม่ควรจะพูดอะไรทั้งสิ้น ในเมื่อท่านเข้ามาแล้วก็อยู่ในกระบวนการ ก็เป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินการในระยะต่อไป ทั้งนี้ ขอฝากพวกเราทุกคนด้วยต้องช่วยกันดูแลด้วย
เมื่อถามว่า ห่วงอะไรมากที่สุด พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่มี โดยหลังจากนี้ก็จะไปพักผ่อน ให้เวลากับครอบครัวมากขึ้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ ได้อะไรจากการเมืองบ้างในช่วงที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ได้อะไร แต่ต้องถามว่าประเทศชาติได้อะไร ทำมาทุกวันก็เพื่อตรงนั้นแหละ เพื่อประเทศชาติและประชาชน พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด และวันหน้าก็เป็นเรื่องของรัฐบาลต่อไปที่จะดำเนินการ
เมื่อถามว่า ทราบว่าในอนาคตนายกฯ จะมีงานที่ใหญ่กว่านี้ทำต่อ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่รู้เลย ไม่ทราบทั้งสิ้น เพราะก็เป็นประชาชนพลเมืองไทยธรรมดา ไม่ได้มียศอย่าง หรือเจ้ายศเจ้าอย่าง หรือเกียรติยศอะไรต่างๆ กลายเป็นคนธรรมดาเหมือนพวกท่านนั่นแหละ ตั้งใจมาตลอด 9 ปีที่ผ่านมา เมื่อถึงเวลาต้องพักผ่อน หรือหยุด ก็เป็นประชาชนพลเมืองไทยคนหนึ่งธรรมดา ไม่มีสิทธิพิเศษอะไรที่จะต้องมาเคารพยกย่องไม่ต้องหรอก
เมื่อถามว่า ถ้ามองย้อนกลับไปเมื่อ 9 ปีที่แล้วมีอะไรที่อยากจะทำใหม่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ ถ้าคิดอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่ ไม่ต้องย้อนกลับไปแล้ว เดินหน้าอย่างเดียวอย่างระมัดระวังในการเดินหน้าว่าจะต้องไม่มีอันตราย เพราะไม่ใช่ตนเองคนเดียว แต่จะต้องรักษาในส่วนของทุกคนด้วยที่ร่วมงานกันมาให้พวกเขาปลอดภัย ไม่มีอันตรายต่างๆ เกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกันมา
“วันนี้ต้องขอบคุณ ครม.ทั้งหมดทุกคน และข้าราชการทุกคนที่ช่วยผมทำงานมาโดยตลอด ด้วยความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน เราทำตามกฎหมายและระเบียบทุกประการที่มีอยู่” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ถามต่อว่า 9 ปีที่ผ่านมารู้สึกประทับใจอะไรมากที่สุด พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คงต้องพูดในภาพรวมมากกว่า เราก็อยู่กันมาในรัฐบาล 4 ปีเต็ม ทุกคนให้ความร่วมมือ พูดจากัน ทักท้วงกัน ให้เหตุผลซึ่งกันและกัน ซึ่งก็รับได้ นั่นคือความผูกพันในสิ่งที่ทำร่วมกันมา ไม่ได้มุ่งหมายผลประโยชน์อะไรทั้งสิ้น และก็มีนโยบายอย่างนั้นมาตลอดและสามารถทำให้ทุกอย่างเดินหน้าไปได้มากพอสมควร นั่นคือความประทับใจของตนเองทั้ง ครม. และสิ่งที่วาดหวังจะเห็นในอนาคตต่อไป ก็พยายามเดินหน้ามาอย่างนั้น ทั้งนี้ การเดินหน้าเพื่ออนาคตไม่ได้อยู่ที่ตนเองเพียงคนเดียว ก็ต้องถ่ายทอดกันต่อไปเรื่อยๆ ไปสู่อนาคตคนรุ่นใหม่ ซึ่งวันนี้ก็ต้องสร้างความเข้าใจกันให้มากยิ่งขึ้น
เมื่อถามย้ำว่า 9 ปีถ้าย้อนกลับไปได้อยากทำอะไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ย้อน ไม่มีเวลาไหนเขาย้อน มันย้อนไม่ได้อยู่แล้ว
เมื่อถามอีกว่า ใจหายหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่หาย เราต้องพร้อมรับสถานการณ์เหล่านี้ตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะบอกแล้วเข้ามาด้วยอะไร และไปด้วยอะไร ก็แค่นั้นเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าจะร้องเพลงสักเพลงหลังจากนี้อยากจะร้องเพลงอะไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอนึกดูก่อน มีหลายเพลง โอเค ขอบคุณ
ทั้งนี้ ภายหลังการแถลงข่าว สื่อมวลชนได้ขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินถ่ายภาพหลายจุด หลายมุม รวมทั้งร่วมถ่ายเซลฟี่กับผู้สื่อข่าวด้วย พร้อมส่งสัญลักษณ์มือมินิฮาร์ต ไอเลิฟยู และโบกมือให้กับผู้สื่อข่าวก่อนจะเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม.