“นายกฯ” ชวนนักศึกษาไทยกลับทำงานที่ไทย ชี้อนาคตใกล้มีบริษัทชั้นนำเปิดที่เมืองไทยมีงานรองรับ หวังเป็นอนาคตของชาติ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 พ.ย.2566 (ตามเวลาท้องถิ่น นครซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ ซึ่งช้ากว่ากรุงเทพฯ 15 ชั่วโมง) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พบหารือผู้บริหารมหาวิทยาลัยสแตนเฟิร์ด และพบปะนักศึกษาไทย ณ มหาวิทยาลัยสแตนเฟิร์ด (Stanford University)

 

โดยนายกฯ กล่าวกับนักศึกษาไทยที่มหาวิทยาลัยสแตนเฟิร์ดว่า หน้าที่ของรัฐบาลคือทำให้นักศึกษาเห็นด้วยว่าประเทศไทยนั้นมีอนาคต เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องพยายามทำความเข้าใจ และเชื้อเชิญให้นักเรียนที่เรียนต่างประเทศ พยายามที่จะกลับมาทำงานต่อที่ประเทศไทย ซึ่งในโอกาสการเดินทางมาซานฟรานซิสโก เพื่อเข้าร่วมประชุม เอเปค นี้ จึงเชิญนักลงทุนต่างประเทศ หลายรายมาร่วมหารือ และเตรียมลงนาม MOU โดยในอนาคตอันใกล้ถ้ามีบริษัทดีๆ หลายๆ บริษัทไปเปิดที่เมืองไทย ไปขยายงานที่เมืองไทย รองรับการกลับไปของนักศึกษาที่อยู่ต่างประเทศก็จะเป็นการดี

 

สำหรับการประชุมเอเปคในครั้งนี้เป็นการพบปะของผู้นำ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเองได้รับตำแหน่งมาได้ประมาณ 2 เดือน ก็มาทำความรู้จักมาพบปะพูดคุยกัน นอกจากนี้มาพบนักธุรกิจ ซึ่งเมื่อวานได้พบผู้บริหาร Tesla, ADI, HP และวันนี้ได้พบผู้บริหาร อาทิ Microsoft, Google, Western Digital เพื่อจะประกาศว่าประเทศไทยเปิดแล้ว เปิดสำหรับการลงทุน ไม่มีเวลาไหน ที่ดีเท่าเวลานี้ที่จะลงทุนในประเทศไทย เป็นที่มาที่ไปว่า ที่อยากจะมาที่ Stanford เพราะเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลกที่ดีที่สุดในโลกมหาวิทยาลัยหนึ่ง เพื่อให้เห็นว่ารัฐบาลนี้มีความตั้งใจจริงที่จะทำให้เกิดการลงทุนครั้งมโหฬาร เพื่อสร้างโอกาสสร้างงานให้นักศึกษาไทยในต่างประเทศ กลับไปเป็นกำลังสำคัญของชาติ ไปมีอนาคตที่ดีกว่าที่เมืองไทย

จากนั้นเวลา 16.00 น. นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางไปมหาวิทยาลัยสแตนเฟิร์ดว่า พูดคุยกับระดับศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัย มีการพูดคุยใน 2 ประเด็นหลัก ประเด็นแรกการพัฒนาสตาร์ทอัพ ที่ประเทศไทยยังไม่มียูนิคอร์น หรือบริษัทสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงเกิน 36,000 ล้านบาท แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่จะให้นักลงทุนต่างประเทศ หรือคนรุ่นใหม่ที่อยากจะมาอยู่ในประเทศไทย ได้พัฒนาธุรกิจให้กลายเป็นยูนิคอร์นให้ได้

 

ประเด็นที่สอง มีการหารือความร่วมมือการแก้ปัญหาการทำลายป่าและการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งเดือนหน้าจะเข้าสู่ช่วงที่ฝุ่น Pm 2.5 มีปริมาณสะสมสูงแล้ว โดยอาจจะทำเป็นแซนด์บ็อกซ์ ในเมืองหนึ่ง หรือจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง เพื่อให้สังคมมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา pm 2.5 ลดลง

 

นายเศรษฐากล่าวว่า สำหรับการพบกับนักศึกษาไทยในมหาวิทยาลัยสแตนเฟิร์ดส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรี เป็นนักศึกษาระดับท็อป หรือ ระดับมันสมองของประเทศ แต่ส่วนมากบอกว่าหลังสำเร็จการศึกษาแล้วจะหาประสบการณ์ การทำงานในต่างประเทศก่อนซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดี แต่ทำให้มีความกังวลว่าคนเหล่านี้จะกลับไปทำงานที่ประเทศไทยหรือไม่ จึงเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ที่จะทำให้นักศึกษาเหล่านี้มีความสบายใจว่าเมื่อกลับประเทศแล้วจะมีงานที่เหมาะสม มีหน้าที่การงานที่ดี เป็นอนาคตที่ดีของประเทศต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าจากที่พบกับนักศึกษาไทย ในมหาลัยสแตนเฟิร์ด อยากให้ช่วยเรื่องใดบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า นักศึกษาเหล่านี้มีความรักบ้าน แต่ก็ห่วงอนาคตตัวเอง เมื่อกลับไปประเทศไทยอยากมีงานที่ดีรองรับ หลายคนที่เป็นนักศึกษาทุน ต้องกลับไปใช้ทุน แต่หลายคนที่เรียนเกี่ยวกับงานด้านวิจัย ทำงานงานวิจัย อยู่ที่สหรัฐฯ จะมีรายได้สูงกว่าได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน หากกลับไปเมืองไทยรายได้ก็ต่ำจึงมีความกังวลเรื่องนี้.