“อนุทิน” ขึ้น “เชียงใหม่” ตรวจความเรียบร้อยปิดผับตี 4 ย้ำใครฝ่าฝืนโดนโทษหนัก

วันที่ 20 ธันวาคม 2566 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย, นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง, นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความเรียบร้อย ที่สถานบริการจังหวัดเชียงใหม่ อาทิ ร้านกู๊ดวิว และร้านวอร์มอัพ หลังจากรัฐบาลเดินหน้านโยบายให้สถานประกอบการที่มีใบอนุญาต และอยู่ในพื้นที่โซนนิ่ง สามารถให้บริการได้ถึงตี 4 โดยตลอดทางในการตรวจเยี่ยม พบมีประชาชน เข้ามาทักทายในอนุทิน และคณะเป็นจำนวนมาก

 

นายอนุทินกล่าวว่า ที่มาเชียงใหม่เพื่อต้องการให้เกิดความมั่นใจว่าผู้รักษากฎหมาย ฝ่ายปกครอง ตำรวจพื้นที่ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด เข้มงวดกวดขัน ซึ่งถ้าเราได้รับความร่วมมือแบบนี้ เป็นความร่วมมือที่ดี เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น จากที่เห็นเราค่อนข้างมั่นใจว่าองค์ประกอบทั้ง 3 ได้แก่ ผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยว ฝ่ายรักษากฎหมาย มีความเข้าใจกันดีว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร กฎหมายที่ออกมามันควบคุมไว้หมดแล้ว คิดว่าสถานบริการเองต้องระวังไม่ให้มีการละเมิดกฎหมาย ยาเสพติด เด็ก อาวุธร้ายแรง จะปล่อยเข้ามาไม่ได้ เพราะถ้าละเมิดขึ้นมา สถานบริการถูกปิด 5 ปี มันไม่คุ้ม แต่เราก็ต้องประเมินกัน ตอนนี้ฝนตกไม่ทั่วฟ้า เราเข้าใจ ว่ามันเปิดได้ถึงตี 4 เฉพาะสถานบริการที่มีใบอนุญาต ส่วนร้านทั่วไปหลังเที่ยงคืนก็ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันแล้ว ซึ่งเราอยากจะขยายโอกาสนี้ให้กับร้านอื่นๆ แต่มันต้องประเมินจากช่วงเวลานี้ก่อน เพื่อหาโอกาสผ่อนปรนในอนาคต

 

เมื่อถามว่า มีความกังวลหรือไม่ว่าจะมีการละเมิดกฎหมาย หลังจากนโยบายเดินหน้าไปนานกว่านี้ นายอนุทินตอบว่า สถานบริการไม่น่ามาเสี่ยง ยิ่งที่มีใบอนุญาตมันก็ยิ่งไม่คุ้มถูกปิด 5 ปี แบบที่โซนิกผับโดน มันก็เหมือนปิดไปเลย อย่าลืมว่าเจ้าหน้าที่เข้มงวดกวดขัน ส่วนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศก็ตั้งใจทำให้ถูกต้อง โดยบอกว่าอยู่ไม่ถึงตี 4 แต่ละคนมีความรับผิดชอบใช้ขนส่งสาธารณะ หรือให้เพื่อนที่ไม่ดื่มมารับ ส่วนใครก็ตามที่คิดจะเอาสถานประกอบการของตัวเองมาเสี่ยง มั่นใจว่าไม่รอดพ้นการข่าว ทำไป ไม่คุ้ม

“มันก็มีกรอบ ถ้าเมามาก ทางร้าน เขาก็ไม่ขายให้ ถ้าผู้ประกอบการเข้มงวด นักเที่ยวมีความรับผิดชอบ ผมว่ามันไม่มีปัญหานะ สิ่งที่จะได้แน่ๆ คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจให้คนมีงานทำเพิ่มขึ้น มีโอกาสส่งเสริมรายได้ มีการจ้างงานมากขึ้น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องจะได้ประโยชน์ไปด้วย แกร๊บ แท็กซี่ ร้านนวด ร้านขายลูกชิ้นปิ้ง เต้าหู้ทอด ของใช้ ของกิน มันได้ ทุกคนชนะหมด แต่ที่ผมมา เพื่อมาบอกว่า ทุกฝ่าย มีความเข้มงวด และเราต้องทำความเข้าใจให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ เราต้องทำให้ทุกคนมีความสุข และมีรายได้เพิ่มขึ้น”.