“สมศักดิ์” ปลื้มผลปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด 1 ต.ค.-15 ธ.ค. จับได้ 41,702 คดี-เร่งพิจารณารางวัลนำจับ

วันที่ 22 ธันวาคม 2566 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (คณะกรรมการ ป.ป.ส.) โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นายกิตติกร โล่ห์สุนทร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทน เลขาธิการ ป.ป.ส. และคณะกรรมการ ป.ป.ส. เข้าร่วมประชุม ที่ทำเนียบรัฐบาล

โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า การแก้ปัญหายาเสพติด จะละเลยเรื่องการยึดอายัดทรัพย์เครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดไม่ได้ เพราะปัญหายาเสพติดได้ทวีความรุนแรง ซึ่งถ้าไม่มีการตัดที่ต้นตอ หรือรากแก้ว ก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เนื่องจากที่ผ่านมาเมื่อมีการจับผู้ขนยาเสพติด ทางผู้ค้ายาเสพติดก็จะหาคนใหม่มาแทน ดังนั้น อย่าคิดว่าจับยาเสพติดได้จำนวนมากแล้วปัญหาจะหมดไป เพราะยังไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นตอ ซึ่งขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันศึกษากฎหมายยาเสพติดใหม่ที่เน้นการยึดอายัดทรัพย์ด้วย เพราะมองว่าหากใช้มาตรการนี้จะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้

นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ส. ยังได้รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2566 โดยมีผลการปฎิบัติ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม – 15 ธันวาคม 2566 สามารถจับคดียาเสพติดได้ 41,702 คดี ผู้ต้องหา 43,175 คน ซึ่งได้ของกลางยาบ้า 177 ล้านเม็ด ไอซ์ 1,983 กิโลกรัม เฮโรอีน 111 กิโลกรัม ยาอี 28,692 เม็ด และคีตามีน 984 กิโลกรัม โดยจากนี้ก็จะดำเนินการยึดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติดโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดการโอนย้ายทรัพย์สิน

นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า ส่วนการแก้ไขปัญหาการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับและเงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ในการปฎิบัติงานยาเสพติดล่าช้านั้น เรื่องนี้ได้รับทราบว่า ป.ป.ส.ไม่ได้เป็นผู้ล่าช้า แต่ติดตรงเอกสารของผู้รับประโยชน์ ดังนั้น ผู้รับผลประโยชน์ต้องเตรียมตัวให้พร้อมด้วย ซึ่งจากนี้ก็ต้องช่วยกันดำเนินการให้รวดเร็ว เพราะขณะนี้มีคดีที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของคณะอนุกรรมการเงินค่าตอบแทนฯ ทั้งหมด 2,232 คดี เป็นเงินกว่า 11 ล้านบาท ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ก็มีการทำงานที่รวดเร็วอยู่แล้ว โดยคณะอนุกรรมการฯ ส่วนกลางก็เตรียมเข้าที่ประชุม วันที่ 27 ธันวาคมนี้ จำนวน 63 คดี เป็นเงินค่าตอบแทนกว่า 6.4 ล้านบาท ส่วนของคณะอนุกรรมการฯ ภาค 1-9 ก็เตรียมเข้าประชุมวันที่ 21 ธันวาคม – 4 มกราคม 2567 จำนวน 2,001 คดี เงินค่าตอบแทนกว่า 3.1 ล้านบาท

“การแก้ปัญหายาเสพติด ยังได้มีการขออนุมัติตั้งด่านตรวจยานพาหนะเพิ่ม เพื่อสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติด ด้วยเครื่องเอกซเรย์ตรวจค้นยาเสพติด จำนวน 3 แห่ง โดยขณะนี้มีการติดตั้งเครื่องเอกซเรย์ตรวจค้นยาเสพติดทั้ง 3 แห่งเรียบร้อยแล้ว เพื่อช่วยตัดเส้นทางการขนย้ายยาเสพติด ซึ่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็กำลังช่วยกันบูรณาการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเร่งด่วน และรอบด้านที่สุด” รองนายกรัฐมนตรีกล่าว.