“ปวีณา” บินด่วน!!! ลงพื้นที่ “อุดร” เด็กชายเหยื่อโค้ชฟุตบอลกับอดีตนายทหารพุ่ง9ราย

วันที่ 6 ม.ค.67 นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วย ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ตำรวจ ปคม.เดินทางไปที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 (สพป.อุดรธานี เขต2) ถ.อุ่มจาน ต.กุมภวาปี อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ประชุมร่วมกับ ยุติธรรมจังหวัด, พ.ต.อ.ศิริมงคล บุญหนุน ผกก.สภ.ประจักษ์ศิลปาคม มอบหมาย พ.ต.ท.วชิรศักดิ์ สายสุทธิ รอง ผกก.ป. สภ.ประจักษ์ศิลปาคม, พัฒนาสังคมฯ, หน.บ้านพักเด็กฯ, นายอำเภอประจักษ์ศิลปาคม, สพป.อุดรธานี เขต 1, 2, 3, 4, สพม.อุดรธานี และผู้อำนวยการโรงเรียนในพื้นที่ สพป.อุดรธานี เพื่อหามาตรการป้องกันให้เด็กนักเรียนมีความปลอดภัยและได้รับความเป็นธรรม

 

โดยขณะนี้มีเด็กชายที่ตกเป็นเหยื่อที่ร้องขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือก่อนหน้านี้ 7 ราย และวันนี้มีเพิ่มมาอีก 1 ราย และมีอีก 1 รายที่ปรากฏอยู่ในคลิป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างขยายผล รวมมีเด็กผู้เสียหายขณะนี้ทั้งหมด 9 ราย ที่ร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ และต้องการจะดำเนินคดีกับโค้ชฟุตบอลและอดีตทหารยศนายพัน ผู้สนับสนุนทีมฟุตบอลให้ถึงที่สุด

 

ด้าน น.ส.เอ (นามสมมุติ) แม่ของเด็กชาย 10 ขวบ 1 ใน 8 ของเด็กชายผู้เสียหาย กล่าวว่า ทุกวันนี้พ่อแม่ผู้ปกครองและลูกๆ ทุกคนมีความกังวลใจที่โค้ชฟุตบอล ผู้ต้องหา ได้รับการประกันตัวออกมาและส่งแชตไลน์ไปหาเด็กๆ ถามไถ่มีใครไปแจ้งความบ้าง ทำให้เด็กทุกคนหวาดกลัวเกรงจะไม่ปลอดภัย อย่างนี้จะเรียกว่ายุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไม่ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิกถอนการประกันตัวผู้ต้องหา เพราะทุกคนรู้สึกว่าถูกคุกคามในชีวิต

นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังจัดงานเลี้ยงสังสรรค์เสียงดังแทบทุกวันเหมือนเป็นการเยาะเย้ยไม่มีความเกรงกลัวต่อกฎหมายทำให้ทุกคนอยู่ไม่เป็นสุข และอยากให้เด็กที่ตกเป็นเหยื่อและพ่อแม่ที่ยังไม่กล้าออกมาแจ้งความได้ยอมรับความจริงและออกมาต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ลูกและครอบครัว อย่าอายเพราะเราเป็นผู้เสียหาย คนที่ทำผิดจะต้องเป็นคนที่ต้องละอายมากกว่า

 

ขณะที่ครูสาวซึ่งให้การช่วยเหลือเด็กๆ และแจ้งเรื่องขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า หลังมีการจับกุมผู้ต้องหาดำเนินคดีทางญาติของผู้ต้องหาได้มีการโพสต์เฟซบุ๊กในเชิงข่มขู่ เช่น วันพระไม่ได้มีหนเดียว และจะเอาเรื่องคนที่ไปแจ้งความให้ถึงที่สุด ทำให้ผู้อำนวยการโรงเรียนและเพื่อนครูเป็นห่วงสวัสดิภาพไม่ให้ครูเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียวหรืออยู่ที่โรงเรียนคนเดียว จึงขอฝากเรื่องนี้ไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย

 

ด้าน ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) หลังทราบเรื่องกรณีครูสาวถูกคุกคามจึงได้สั่งการทันที ให้ครูย้ายมาช่วยราชการที่ สพป.เขต 2 อุดรธานี โดยมีผลทันทีเพื่อเป็นการดูแลความปลอดภัยของบุคลากรครู

 

นางปวีณากล่าวว่า วันนี้ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสังคมมาประชุมบูรณาการร่วมกัน โดยมี ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ตำรวจ ปคม. เข้ามาขยายผลและดูแลเด็กผู้เสียหายพร้อมทั้งครอบครัวให้ได้รับความเป็นธรรม ทั้งนี้ได้ประสานกับยุติธรรมจังหวัด, พัฒนาสังคมฯจังหวัด, บ้านพักเด็กฯ, สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี, นายอำเภอ, พ.ต.อ.ศิริมงคล บุญหนุน ผกก.สภ.ประจักษ์ศิลปาคม มอบหมาย พ.ต.ท.วชิรศักดิ์ สายสุทธิ รอง ผกก.ป. สภ.ประจักษ์ศิลปาคมโดย กระทรวงศึกษา ได้เชิญ ผอ.สพป., ผอ.สพม. จ.อุดรธานี และผู้อำนวยการโรงเรียนในพื้นที่มาประชุมร่วมกันเพื่อหามาตรการป้องกันไม่ให้เหตุร้ายเกิดขึ้นกับเด็กอีกต่อไป และสร้างความมั่นใจให้กับเด็กในเรื่องการเรียนการสอนได้อย่างต่อเนื่อง โดยนายอำเภอจะเข้าไปดูแลความปลอดภัย กระทรวงยุติธรรมจะช่วยเงินเยียวยาเด็กผู้เสียหายรายละ 55,000 บาท อีกทั้งทางพัฒนาสังคมฯ จะเข้าเยี่ยมบ้านดูแลครอบครัว ขอบคุณ ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) และตำรวจ ปคม. และทุกหน่วยงานที่ร่วมกันบูรณาการช่วยเหลือเด็กนักเรียน โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะจับมือกับตำรวจ ปคม. กระทรวงศึกษาธิการ และทุกหน่วยงาน เพื่อดำเนินการติดตามคดีอย่างใกล้ชิดจนถึงที่สุด

รายละเอียดการประชุมมีดังนี้

1.มาตรการป้องกัน

2.ให้ผู้ปกครองและนักเรียนรับทราบข้อเท็จจริง หากมีนักเรียนที่ถูกกระทำเพิ่มเติมให้แจ้งมายังผู้อำนวยการโรงเรียน หรือมูลนิธิปวีณาฯ โทรฯ 098-478-8991, 063-237-7327 เพื่อให้ตำรวจ ปคม.ดำเนินคดีต่อไป

3.สร้างความปลอดภัยให้กับนักเรียนและผู้ปกครอง

4.แจ้งให้ผู้ปกครองทราบกรณีเด็กที่ถูกกระทำจะได้รับเงินเยียวยา รายละประมาณ 55,000 บาท จากกระทรวงยุติธรรม

5.ให้ พมจ. และบ้านพักเด็กฯ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเด็กให้การช่วยเหลือเด็กและครอบครัวเบื้องต้น

6.กรณีผู้กระทำความผิดคุกคามครอบครัวเด็กชายผู้เสียหาย หรือที่เรียกว่า มีพฤติการณ์ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ให้ผู้ปกครองแจ้งมายังตำรวจ ปคม. เพื่อปรึกษาในการยื่นคำร้องถอนการประกันตัวผู้กระทำความผิดต่อศาลต่อไป

 

รายละเอียดความเป็นมาคดีเด็กนักเรียนชายถูกโค๊ชฟุตบอลและผู้สนับสนุนข่มขืนถ่ายคลิปวิดีโอ

 

ช่วงเดือน ต.ค.66 มูลนิธิปวีณาฯ ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี แจ้งว่าเด็กชาย ป.4 คนหนึ่งซึ่งอยู่ในทีมฟุตบอลและรักในการเตะฟุตบอล จู่ๆ ได้นำเสื้อทีมฟุตบอลมาคืน ทำให้ครูแปลกใจมาก เมื่อสอบถามจึงรู้ว่าเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ จึงได้พูดคุยกับพ่อแม่เด็กชาย 2 ราย อายุ 10 ขวบเท่ากัน นักเรียนชั้น ป.4 ที่อยู่ในทีมฟุตบอลดังกล่าว จึงรู้เรื่องที่เกิดขึ้น และครูได้แจ้งขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาฯ ก่อนที่แม่เด็กจะขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ โดยแจ้งว่าลูกชายทั้งสองคนถูกโค้ชฟุตบอล และอดีตทหารยศนายพัน ผู้สนับสนุนทีมฟุตบอล ข่มขืนกระทำชำเราและถ่ายคลิปหลายครั้ง และมีเด็กชายในทีมอีกหลายรายถูกกระทำเช่นกัน แต่ไม่กล้าออกมาขอความช่วยเหลือ

 

จากนั้น นางปวีณาได้ประสาน พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. พ.ต.อ.ศราวุธ จันต๊ะวงค์ ผกก.3 บก.ปคม. ตำรวจสอบสวนกลาง รวบรวมพยานหลักฐานจนออกหมายจับและจับกุมตัว โค้ชฟุตบอล และอดีตทหารยศนายพัน ผู้สนับสนุนทีมฟุตบอล ได้ในวันที่ 14 ธ.ค.66 พร้อมของกลางคลิปวิดีโอเด็กชายจำนวนมาก สอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพ ตั้งแต่เดือน ต.ค.66 มูลนิธิปวีณาฯ ได้รับการร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่และเด็กผู้เสียหาย มูลนิธิปวีณาฯ ได้ให้การคุ้มครองความปลอดภัยพ่อแม่ผู้ปกครองและเด็กชายทั้ง 2 ราย และได้พาเด็กไปพบแพทย์เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจอย่างต่อเนื่องที่โรงพยาบาลตำรวจ หลังมีการจับกุมผู้กระทำผิดทั้ง 2 ราย นางปวีณา ได้พาพ่อแม่ของ 2 เด็กชายไปยื่นเรื่องขอรับเงินเยียวยาที่กรมคุ้มครองสิทธิ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งได้รับการพิจารณาช่วยเหลือเงินเยียวยา 55,000 บาทอย่างรวดเร็ว

 

ต่อมามีพ่อแม่ 5 ครอบครัว พาลูกชายอายุ 10-13 ปี จำนวน 5 คน เข้าขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ แจ้งว่า ถูกโค้ชฟุตบอล และอดีตทหารยศนายพัน ผู้สนับสนุนทีมฟุตบอล ข่มขืน ถ่ายคลิปเช่นกัน มูลนิธิปวีณาฯ จึงให้การช่วยเหลือพาไปแจ้งความกับตำรวจ ปคม.เพิ่มเติม พร้อมตรวจร่างกาย ให้ตำรวจขยายผลดำเนินคดี โดยนางปวีณา และตำรวจ ปคม. จะช่วยเหลือเด็กจนสิ้นสุดกระบวนการยุติธรรม.