ฮือฮา!!! ‘ชุมพร’ พบเสือโคร่ง ‘อินโดจีน’ หากินข้ามประเทศไทย-เมียนมาร์ ‘พล.ต.อ.พัชรวาท’ สั่งเร่งสำรวจเพื่อคุ้มครองและอนุรักษ์สายพันธุ์
วันที่ 21 มกราคม 2567 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า นายอาทร กำลังใบ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ (ตอนล่าง) จ.ชุมพร ได้รายงานว่าพบการกระจายพื้นที่อยู่อาศัยของเสือโคร่งบริเวณป่าดวงเจริญ ป่าเนินทอง และป่าช่องขมิ้ว หมู่ที่ 4 และ หมู่ที่ 7 ตำบลสองพี่น้อง อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ซึ่งเสือโคร่งดังกล่าวมีการกระจายพื้นที่อาศัยหากินระหว่างประเทศไทยและประเทศเมียนมาร์ ซึ่งอาจจะเป็นเสือโคร่ง 2 สัญชาติ เนื่องจากมีการข้ามไปมาระหว่าง 2 ประเทศ โดยการค้นพบดังกล่าวนี้กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ร่วมกับมูลนิธิฟรีแลนด์ (Freeland) ทำการสำรวจการกระจายตัวของเสือโคร่งในพื้นที่บริเวณเทือกเขาตะนาวศรีทั้ง 2 ฝั่ง คือ ฝั่งประเทศไทยและฝั่งประเทศเมียนมาร์ในพื้นที่บริเวณอุทยานแห่งชาติหลุนญา
การพบครั้งนี้เป็นการค้นพบในฝั่งประเทศไทย ได้ภาพจากการตั้งกล้องในพื้นที่ทั้งหมด 24 ตัว โดยพบว่าเป็นเสือโคร่งจำนวน 3 ตัว เนื่องจากลายของเสือโคร่งแตกต่างกัน ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ในพื้นที่ไม่เคยพบเสือโคร่งมาก่อนเนื่องจากไม่มีการสำรวจ แต่เริ่มมีการตั้งกล้องสำรวจเมื่อปี 2562 เป็นต้นมา ในปี 2563 – 2565 ก็เคยพบมาแล้ว ส่วนปี 2566 พบแต่รอยตีน ส่วนการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ (SMART PATROL) ที่ผ่านมาก็พบแต่รอยตีน นอกจากนี้บริเวณพื้นที่เขตฯ ช่วงล่างรอยต่อกับเขตด้านทิศใต้ เคยพบรอยบนต้นไม้
จากกรณีการพบเสือโคร่งหากินระหว่าง 2 ประเทศดังกล่าวข้างต้น อธิบดีกรมอุทยานฯ จึงได้รายงานให้พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทราบในเบื้องต้นแล้ว โดย พล.ต.อ. พัชรวาทได้สั่งการให้กรมอุทยานฯ เร่งสำรวจการแพร่กระจายพันธุ์ของเสือโคร่ง ต่อมาอธิบดีกรมอุทยานฯ ได้มอบหมายให้ให้สถานีวิจัยสัตว์ป่าคลองแสง เร่งสำรวจพบว่าเป็นเสือโคร่ง จึงได้มีการตั้งกล้องพบภาพ สามารถระบุพิกัดได้ ทั้งนี้จะมอบหมายให้สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าทำการศึกษาว่าเป็นเสือโคร่งที่กระจายตัวหากินระหว่าง 2 ประเทศมาเป็นระยะเวลานานเท่าใด รวมถึงเป็นเสือที่รวมอยู่ในจำนวนเสือของไทยที่ทำการสำรวจมาก่อนหรือไม่ เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลที่เป็นปัจจุบันขึ้น
สำหรับสถานการณ์เสือโคร่งในปัจจุบัน โดยจากการประเมินประชากรเสือโคร่งในธรรมชาติ ในปี 2565 พบเสือโคร่ง จำนวน 148-189 ตัว เพิ่มขึ้นจากสถิติ ปี 2563 ที่สำรวจพบ 130-160 ตัว โดยอาศัยเทคนิคการประเมินเฉพาะทางและการจำแนกลายที่ได้จากกล้องดักถ่ายภาพอัตโนมัติ ซึ่งติดตั้งไว้มากกว่า 1,200 จุด ในพื้นที่อนุรักษ์ 28 แห่ง จากการศึกษาวิจัยนี้ ยังพบอีกว่า พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร-ห้วยขาแข้ง เป็นพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นที่สุด คือ 103-131 ตัว ในส่วนของพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์แห่งนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่าตะวันตกตอนเหนือ ได้แก่ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ขึ้นไปจนอุทยานแห่งชาติคลองลานอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร และจังหวัดตาก สามารถบันทึกภาพเสือโคร่งได้ จำนวน 16 – 21 ตัว ไม่เพียงแต่ภาพของเสือโคร่งเท่านั้น หากแต่ยังบันทึกภาพเหยื่อของเสือโคร่ง เช่น กวางป่า หมูป่า เก้ง วัวแดง เป็นต้น สิ่งนี้เป็นดัชนีวัดความสมบูรณ์ของผืนป่าและความเหมาะสมของการเป็นถิ่นอาศัยของเสือโคร่งได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ รัฐบาลไทยได้ให้ความเห็นชอบในแผนปฏิบัติการแห่งชาติเพื่ออนุรักษ์เสือโคร่ง พ.ศ. 2565 – 2577 โดยตั้งเป้าหมายในการยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองถิ่นอาศัยสำคัญของเสือโคร่ง ได้แก่ ผืนป่าตะวันตก และผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ตลอดจนเร่งฟื้นฟูประชากรเสือโคร่งและเหยื่อในถิ่นอาศัยเป้าหมาย ได้แก่ ผืนป่าแก่งกระจาน ผืนป่าภูเขียว-น้ำหนาว และผืนป่าคลองแสง-เขาสก ทั้งหมดทั้งมวลนี้เพื่อนำประเทศไทยไปสู่การเป็นผู้นำในการอนุรักษ์เสือโคร่งในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ได้ ภายในปี พ.ศ.2577.