ป.ป.ส. เผยผลตรวจ “เคนมผง” ย่านสายไหม
ป.ป.ส. เผยผลตรวจ “เคนมผง” จากคดีสาวลอบขายในเขตสายไหม เป็นคีตามีนผสมไดอาซีแพม (Diazepam) หรือ แวเลียม (Valium)
นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เปิดเผยว่า จากกรณีชุดปราบปรามยาเสพติด ตำรวจนครบาล 2 เข้าจับกุม นางสาวศิริกาญจน์ หรือ นุ่น เชื้อเขตกรรม อายุ 23 ปี พร้อมของกลางซึ่งเป็นยาตัวใหม่ที่เรียกว่า “เคนมผง” น้ำหนักประมาณ 7.35 กรัม ได้ภายในบ้านเลขที่ 200/163 ชุมชนนิตภาวรรณ 1 แยก 4 เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ก่อนที่ในช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานส่งวัตถุของกลางดังกล่าวเข้าตรวจพิสูจน์ที่สถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. น้ำหนักรวม5.314 กรัม โดยลักษณะเป็นผงสีขาว บรรจุมาในซองซิปพลาสติก จำนวนทั้งสิ้น 6 ซองนั้น
“โดยสถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส.ได้ตรวจพิสูจน์วัตถุของกลางดังกล่าวจนแล้วเสร็จ ซึ่งผลปรากฏว่าของกลางที่เรียกว่า “เคนมผง” ดังกล่าว มีส่วนผสมของคีตามีนและไดอาซีแพม (Diazepam) หรือยาที่ทั่วไปรู้จักกันในทางการค้าว่า แวเลียม (Valium) จัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 4 ตามพระราชบัญญัติวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2559 โดยออกฤทธิ์ที่สมองหรือระบบประสาทส่วนกลาง ในทางการแพทย์ใช้เป็นยากล่อมประสาทหรือสงบประสาท ทำให้จิตใจสงบ ใช้สำหรับรักษาอาการผิดปกติทางอารมณ์ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว แก้อาการชัก เป็นต้น”
นายวิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่า ผลข้างเคียงจากการใช้ไดอาซีแพมนั้น อาจทำให้มีอาการง่วงซึม เหนื่อยล้ากล้ามเนื้ออ่อนแรง ร่างกายสูญเสียความสมดุล ลมหายใจอ่อนแรง มึนงง เห็นภาพหลอน ซึมเศร้า กล้ามเนื้อกระตุกกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ รวมถึงเกิดอาการชักได้ โดยความผิดในฐานผู้ขาย ต้องระวางโทษจำคุก 2-10 ปี และปรับตั้งแต่200,000 – 1,000,000 บาท และความผิดฐานครอบครองหรือใช้ประโยชน์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ขณะที่ยาเค หรือ คีตามีน (Ketamine) เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ใช้เป็นยาสลบก่อนทำการผ่าตัด สามารถระงับปวด ช่วยขยายหลอดลม ต่อต้านอาการซึมเศร้าได้
ทั้งนี้ ในระยะหลังพบว่า มีการนำคีตามีนมาใช้ในทางที่ผิด โดยใช้เพื่อความบันเทิงร่วมกับยาเสพติดร้ายแรงชนิดอื่นเช่น ยาอี และโคเคน ผู้เสพจะรู้สึกมึนงง ความคิดสับสน ตาลาย หูแว่ว การรับรู้และการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมจะเปลี่ยนแปลงไป หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง อาจเกิดอาการประสาทหลอน การเสพในระยะเวลานาน จะทำให้ผู้เสพประสบกับสภาวะโรคจิต และกลายเป็นคนวิกลจริตได้ โดยความผิดในฐานผู้เสพ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ความผิดฐานผู้ขาย ต้องระวางโทษจำคุก 4-20 ปี และปรับตั้งแต่400,000 – 2,000,000 บาท และความผิดฐานครอบครองหรือใช้ประโยชน์ ต้องระวางโทษจำคุก 1-5 ปี หรือปรับตั้งแต่20,000 – 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“สำหรับความเชื่อมโยงของยาเคนมผง ที่พบในหลายพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานครนั้น คงต้องดูผลการตรวจพิสูจน์จากของกลางที่พบในคดีอื่นว่าเป็นสารชนิดเดียวกันหรือไม่ รวมถึงอาศัยข้อมูลการสืบสวนสอบสวนขยายผลจับกุมของเจ้าหน้าที่ว่าในแต่ละคดีมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าใดๆ เพิ่มเติม สำนักงานป.ป.ส. จะเร่งแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบต่อไป”