ราชทัณฑ์แจงพักโทษ “สรยุทธ์” ตามเกณฑ์คุณสมบัติ ออกจากคุก 14 มี.ค.

นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึง กรณีข่าวการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ที่กำลังเป็นที่กล่าวถึงอยู่ในขณะนี้ว่าเป็นการได้รับสิทธิพิเศษหรือไม่ นั้น

​​กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ โดยเฉพาะโครงการพักการลงโทษนักโทษเด็ดขาดที่มีโทษระยะสั้น เป็นโครงการสำหรับนักโทษเด็ดขาดชั้นกลางขึ้นไป ที่ได้รับโทษมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกำหนดโทษ และเหลือโทษที่ต้องได้รับต่อไปอีกไม่เกิน 5 ปี โดยถือว่าเป็นประโยชน์ของผู้ต้องขังตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์พ.. 2560 

ทั้งนี้ นายสรยุทธ เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีกำหนดโทษตามคำพิพากษา 6 ปี  24เดือน 

ต่อมาได้รับพระราชทานอภัยโทษทั้ง 2 รอบ คงเหลือโทษจำคุกครั้งหลังสุด  3 ปี 6 เดือน 20 วัน เมื่อหักวันต้องโทษจำคุกมาแล้ว จึงเหลือโทษจำคุกต่อไปอีก 2 ปี 4 เดือน 14 วัน ด้วยเหตุนี้ นายสรยุทธฯ จึงถือเป็นนักโทษที่รับโทษจำคุกมาแล้วระยะหนึ่ง และจะมีคุณสมบัติครบตามหลักเกณฑ์การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ                                  

ในวันที่ 14 มีนาคม 2564 เมื่อได้รับการพักการลงโทษปล่อยตัว จะต้องติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว(Electronic Monitoring: EM) และต้องประพฤติปฏิบัติตนตามเงื่อนไขที่กำหนดอย่างครบถ้วน ตลอดจนรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุกเดือนจนกว่าจะพ้นโทษ

​​นายอายุตม์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการพิจารณาพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษดังกล่าว นอกจากการพิจารณาจากคุณสมบัตินักโทษที่เข้าเกณฑ์แล้ว นักโทษทุกรายยังจะต้องถูกพิจารณา โดยคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ อันประกอบด้วย รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานคณะอนุกรรมการฯและผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ เป็นคณะอนุกรรมการฯ เพื่อพิจารณารายชื่อผู้ต้องราชทัณฑ์จากเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ โดยหากผ่านความเห็นชอบของคณะอนุกรรมการฯ แล้ว จะต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอีกชั้นหนึ่ง จึงจะถือว่าได้รับการพักการลงโทษ 

นอกจากกรณีของนายสรยุทธฯ ยังมีนักโทษเด็ดขาดที่ได้รับความเห็นชอบพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษทั้งกรณีนักโทษเด็ดขาดที่มีโทษระยะสั้น และกรณีมีเหตุพิเศษเนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง พิการ หรืออายุ 70ปีขึ้นไป ที่ถูกนำรายชื่อเข้าประชุมคณะอนุกรรมการฯ ในครั้งนี้ รวม 944 ราย