‘สมศักดิ์’สั่ง’ราชทัณฑ์’รปภ.เข้มคุกทั่วประเทศไม่ให้มีการเผาทำลายทรัพย์สินอีก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกำชับกรมราชทัณฑ์เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย อย่าปล่อยให้มีการทำลายทรัพย์สินเรือนจำอีก ด้านคดีพบกลุ่มผู้ต้องสงสัย 3 ราย ตำรวจเชื่อไม่เกิน 7 วัน สามารถจับตัวผู้ก่อเหตุได้ ด้านเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมแจ้งเอาผิด 3 ข้อหา
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางไปร่วมประชุมหารือกรณีเกิดเหตุวางเพลิงป้ายและทำลายทรัพย์สิน บริเวณหน้าเรือนจำคลองกลางเปรม โดยมี ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พันตำรวจเอกภานุเดช สุขวงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2
ทางกรมราชทัณฑ์ไปแจ้งความเอาผิดกับผู้กระทำผิดแล้ว ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยให้ผู้ตรวจกรมราชทัณฑ์เป็นประธาน และเพิ่มกำลังจากหน่วยงานพิเศษร่วมปฏิบัติหน้าที่รักษาการณ์บริเวณภายนอกเรือนจำ
ขณะที่นายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า การติดตามคนร้ายมีความคืบหน้าไปมาก เพราะกล้องวงจรปิดของเรือนจำกลางคลองเปรม สามารถจับภาพคนร้าย รวมทั้งพบถังน้ำมันและไฟแช็คที่เตรียมมาเพื่อตั้งใจเผาทิ้งเอาไว้ จากนั้นกรมราชทัณฑ์จึงได้ประสานไปยัง สถานีตำรวจนครบาลประชาชื่น ได้ติดตามจากกล้องวงจรปิด พบรถ MPV สีขาว พร้อมผู้ต้องสงสัย 3 คนเป็น ชาย 2 หญิง 1 และจากการติดตามกล้องวงจรปิดไปจนถึงที่พักพบว่ามีความเชื่อมโยงทางการเมือง ขณะนี้อยู่ระหว่างพิสูจน์หลักฐานให้ชัดเจน ซึ่งทางตำรวจยืนยันจะทำคดีให้จบโดยเร็วที่สุดและคาดว่าจะไม่เกิน 7 วัน
พร้อมกันนี้ รมว.ยธ.ได้กำชับกรมราชทัณฑ์ในเรื่องของการรักษาความปลอดภัยและการรักษาทรัพย์สิน เพราะเป็นเรื่องที่มิสมควรเกิดขึ้น และอย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกแม้แต่เรือนจำเดียว
ด้านเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ได้แจ้งความร้องทุกข์ที่ สถานีตำรวจนครบาลประชาชื่น ใน 3 ข้อหา ประกอบด้วย วางเพลิงเผาทรัพย์, บุกรุกสถานที่ราชการ และมาตรา 112 เพราะเป็นการเผาพระบรมฉายาลักษณ์ เบื้องต้นพบผู้ก่อเหตุ 3 ราย โดยอยู่ระหว่างตำรวจขอศาลอนุมัติหมายจับ และขยายผลเพื่อสาวให้ถึงผู้อยู่เบื้องหลัง เพราะทราบว่ามีกลุ่มการเมืองอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ด้วย.