สงกรานต์ 6 วันคุมประพฤติเมาขับกว่า 3,800 คดี แนะประชาชนเดินทางกลับ เมาไม่ขับ พร้อมป้องกันโควิด-19
วันที่ 16 เมษายน 2564 นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวถึงสถิติคดีขับรถในขณะเมาสุราที่ศาลสั่งคุมความประพฤติ ต้อนรับวันเดินทางกลับจากหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ (15 เมษายน 2564) มีจำนวนเพียง 80 คดี เนื่องจากศาลปิดทำการ ทำให้ตัวเลขสถิติยอดรวม 6 วันที่มีการควบคุมเข้มงวด (10-15 เมษายน 2564) มีจำนวนทั้งสิ้น 3,823 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถขณะเมาสุรา จำนวน 3,810 คดี คิดเป็นร้อยละ 99.66, คดีขับเสพ จำนวน 11 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.29, คดีขับรถประมาท จำนวน 2 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.05 จังหวัดที่มีสถิติคดีขับรถขณะเมาสุราสะสมสูงสุด 3 อันดับยังคงเดิม ได้แก่ 1. จังหวัดชัยภูมิ จำนวน 290 คดี 2. จังหวัดเชียงราย จำนวน 264 คดี และ 3. จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 251 คดี
นอกจากนี้ ในส่วนของการติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว หรือกำไล EM กับผู้กระทำผิดเมาแล้วขับยังไม่มีเพิ่มเติม ยังคงตัวเลขสะสม 6 วันอยู่ที่ จำนวน 19 ราย โดยมีเงื่อนไขห้ามออกจากที่พักอาศัย ในช่วงเวลาตั้งแต่ 22.00 น. – 04.00 น. เป็นระยะเวลา 15 วัน พักใช้ใบอนุญาตขับขี่เป็นเวลา 6 เดือน ทั้งนี้ สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศเฝ้าติดตามและควบคุมดูแลผู้กระทำผิดตลอด 24 ชั่วโมงผ่านศูนย์ควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (Electronic Monitoring Control Center – EMCC) พร้อมประสานเครือข่ายภาคประชาชน อาสาสมัครคุมประพฤติ เตรียมพร้อมลงพื้นที่หากมีการผิดเงื่อนไขคุมความประพฤติ
กรมคุมประพฤติห่วงใยสวัสดิภาพของประชาชนในการเดินทาง ขอให้ผู้ขับขี่ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดื่มสุรา ยาเสพติด หากเมื่อยล้าหรือง่วงนอนให้จอดรถพักได้ที่จุดบริการ ที่สำคัญอยู่ในช่วงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า(โควิด-19) ระหว่างการเดินทางต้องใส่แมส ล้างมือบ่อยๆ เมื่อกลับสู่ที่หมายหากรู้ตัวว่าไปในสถานที่แพร่ระบาดหรือมีอาการสงสัยติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ขอให้ป้องกันตัวเองอย่างเข้มงวดและติดต่อเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์
สำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐควรปฏิบัติเช่นเดียวกันและดำเนินการตามมาตรการทำงานที่บ้าน (Work from Home) ของแต่ละหน่วย ตามนโยบายท่านนายกรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัดเพื่อสังคมโดยส่วนรวม ทั้งนี้ กรมคุมประพฤติ โดยสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ ร่วมกับอาสาสมัครคุมประพฤติ ภาคีเครือข่าย ประชาชนและผู้ถูกคุมความประพฤติ ยังคงเข้าสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่บริเวณจุดบริการประชาชน ด่านชุมชน และด่านตรวจค้น จำนวน 57 จุด โดยมีผู้ร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น 376 คน.