“อนุทิน” เผย “วอล์กอิน” รับวัคซีน ต้องอยู่บนความปลอดภัย-สัปดาห์หน้าพร้อมกระจายวัคซีน 1.5 ล้านโดส

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงนโยบายให้ประชาชนสามารถเข้ามารับวัคซีนนอกสถานพยาบาล ตามจุดที่กำหนด หรือ “วอล์กอิน” ระบุว่า ล่าสุดทางกรมควบคุมโรคได้รับนโยบายไปแล้ว และเป็นเรื่องที่สมควรปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรม ทางนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเข้าใจนโยบาย แต่ในส่วนของกรุงเทพมหานคร การตัดสินใจต้องให้เป็นบทบาทของกรุงเทพฯ เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่เป็นฝ่ายสนับสนุน ซึ่งกระทรวงพร้อมเดินหน้าบูรณาการช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ

กระทรวงสาธารณสุขกำลังจะเปิดโรงพยาบาลบุษราคัม ที่อาคารชาเลนเจอร์ เมืองธานี ซึ่งมีศักยภาพรองรับผู้ป่วยได้ถึง 5 พันเตียง ให้ความสำคัญกับการรักษาผู้ป่วยอาการปานกลาง หรือเกณฑ์สีเหลือง เป็นตัวช่วยเพื่อเปิดพื้นที่ให้โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้เต็มที่กับการดูแลผู้ป่วยอาการหนัก

นอกจากนั้น กระทรวงสาธารณสุข ยังมีศูนย์แรกรับและส่งต่อผู้ป่วยที่อาคารนิมิบุตร ซึ่งทำงานเต็มที่ เน้นรับผู้ป่วยเกณฑ์สีเขียว ทั้งหมดยืนยันว่ากระทรวงพร้อมสนับสนุนกรุงเทพอย่างแน่นอน

รัฐบาลเองพยายามจัดพื้นที่การให้บริการวัคซีนให้มากที่สุด มองไปที่เรื่องการให้วัคซีนนอกสถานพยาบาลแล้ว และได้ประสานให้เอกชนมาช่วยเหลือ ล่าสุด ท่านนายกฯ ได้เปิดจุดให้บริการที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว ขณะที่กระทรวงคมนาคมเสนอสถานีรถไฟกลางบางซื่อมาให้พิจารณา ภาครัฐพยายาม เพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการ ในอนาคตต้องมีมาตรการเพิ่มขึ้นมาอีก เพื่อความสะดวกสบายของประชาชน โดยคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยเป็นสำคัญ การผ่อนคลายเรื่องบริการจะเกิดขึ้น เมื่อมีข้อมูลความปลอดภัยเข้ามาร่วมพิจารณาแล้ว

ในส่วนของการกระจายวัคซีนไปตามจังหวัดต่างๆ นั้น แต่ละจังหวัดได้ส่งความต้องการมาให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาร่วมกับ ศบค. ซึ่งที่ผ่านมาได้จัดหาให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ของแต่ละจังหวัด

สำหรับภาพรวมการรับมอบวัคซีนของประเทศไทย เดือนพฤษภาคม ไทยจะได้รับวัคซีนเข้ามารวมทั้งสิ้น 3.5 ล้านโดส  เป็นส่วนของรัฐบาลจัดหา 3 ล้านโดส และได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลจีนอีก 5 แสนโดส วัคซีนเข้ามาแล้ว 1.5 ล้านโดส อยู่ระหว่างการพิจารณาเริ่องความปลอดภัย จะกระจายให้บริการประชาชนได้ในสัปดาห์หน้า และในช่วงปลายเดือนวัคซีนที่เหลือจะทยอยเข้ามา

สำหรับเดือนมิถุนายนจะเป็นเดือนสำคัญ เพราะไทย จะให้บริการวัคซีนของแอสตร้าเซนเนกาที่ผลิตในประเทศ ซึ่งผู้ผลิตแจ้งว่าวัคซีนที่ผลิตในไทยนั้นได้มาตรฐานระดับสากล และไทยจะได้รับวัคซีนตามสัญญา หวังว่าพี่น้องประชาชนจะมั่นใจในการรับบริการ เพราะวัคซีนถือเป็นส่วนสำคัญมากในการควบคุมโรค สำหรับวัคซีนจากผู้ผลิตรายอื่นๆ ได้มีการหารือมาตลอด อาทิ ไฟเซอร์ ตอนนี้ ทางไทยกำหนดความต้องการไปแล้วประมาณ 10-20 ล้านโดส ทางผู้ผลิตยืนยันว่าจัดหาได้ แต่ต้องส่งในครึ่งปีหลัง การหารือยังเดินหน้าต่อไป ขอย้ำว่า วัคซีนหลักของไทย ยังเป็นแอสตร้าเซนเนกา แต่การได้วัคซีนยี่ห้ออื่นมาเสริมย่อมเป็นเรื่องดี การจัดหาวัคซีน มันต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายข้อ และต้องติดตามข้อมูลกันตลอด เพื่อวางแผนการจัดหาอย่างเหมาะสม.