นายกฯ แจงงบ 3.1 ล้านล้านบาท เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ – แก้โควิด-19
เริ่มแล้ว! สภา พิจารณางบประมาณปี 65 วันแรก นายกฯ แจงงบ 3.1 ล้านล้านบาท เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ – แก้โควิด-19 ขณะที่ก้าวไกล อัดยับจัดงบประมาณ “ไร้สามัญสำนึก” ลั่นไม่อาจรับได้ พร้อมเรียกร้องรัฐบาลชุดนี้ให้ลาออก
วันนี้ (31 พฤษภาคม 2564) เวลา 10.00 น. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 2 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 เป็นพิเศษ ซึ่งมีวาระพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชี้แจงสาระสำคัญร่างงบประมาณดังกล่าว จำนวน 3,100,000 ล้านบาท จำแนกยุทธศาสตร์การจัดสรรออกเป็น 6 ยุทธศาสตร์ คือ
ยุทธศาสตร์ที่ 1 : ด้านความมั่นคง จำนวน 387,909.6 ล้านบาท ร้อยละ 12.5 ของวงเงินงบประมาณ ด้วยการเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติ รักษาความสงบภายในประเทศ พัฒนาและเสริมสร้างการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ การป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด
ยุทธศาสตร์ที่ 2 : ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน จำนวน 338,547.6 ล้านบาท ร้อยละ 10.9 ของวงเงินงบประมาณ โดยมีเป้าหมายกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคมในทุกภูมิภาคของประเทศ
ยุทธศาสตร์ที่ 3 : ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ จำนวน 548,185.7 ล้านบาท ร้อนละ 17.7 ด้วยการเสริมสร้างให้คนมีสุขภาวะที่ดี พัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต พัฒนาคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ เสริมสร้างศักยภาพการกีฬา ปรับเปลี่ยนค่านิยมและวัฒนธรรม มีความรักและความภูมิใจในความเป็นไทย น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำรงชีวิต เพื่อให้สังคมไทยมีความสุข สนับสนุนด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ เพื่อพัฒนาคนไทยทุกช่วงวัย
ยุทธศาสตร์ที่ 4 : ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม จำนวน 733,749.6 ล้านบาท ร้อยละ 23.7 เพื่อสร้างความเป็นธรรม และลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม กระจายศูนย์กลางความเจริญให้ทั่วถึง เพิ่มโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามาเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศ ด้วยการเสริมสร้างพลังทางสังคม ให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมเพิ่มขึ้น กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสังคมสูงวัย
ยุทธศาสตร์ที่ 5 : ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จำนวนเงิน 119,600.3 ล้านบาท ร้อยละ 3.9 ของวงเงินงบประมาณ เพื่อพัฒนาและอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล สร้างการเติบโตบนสังคมเศรษฐกิจสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง หมอกควันและไฟป่า ปัญหามลพิษและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ให้ประเทศมีความมั่นคงด้านน้ำเพิ่มขึ้น
ยุทธศาสตร์ที่ 6 : ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ จำนวน 559,300.5 ล้านบาท ร้อยละ 18.0 ของวงเงินงบประมาณ เพื่อให้ระบบการบริหารราชการมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยมีแผนงานเน้นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ลดปัญหาการทุจริตในสังคมไทยให้ค่าดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perception Index : CPI) อยู่ในอันดับ 1 ใน 54 และ/หรือได้คะแนนสูงกว่า 50 คะแนน ภายใต้รัฐบาลดิจิทัล พัฒนาการให้บริการภาครัฐผ่านการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้อย่างคุ้มค่า
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า งบประมาณเป็นเครื่องมือสำคัญในการผลักดันนโยบายและให้สอดคล้องกับสภาวะทางเศรษฐกิจภายในประเทศและผลกระทบจากภายนอก รวมทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งในปี 2565 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวในช่วงร้อยละ 4.0 – 5.0 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก แนวโน้มขยายตัวทั้งการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในช่วงร้อยละ 0.7 – 1.7 ซึ่งเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในปี 2565 ยังมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ดี
ขณะที่พรรคฝ่ายค้าน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ที่เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้เเทนราษฎรในวาระเเรก ในวันเเรก โดยระบุว่า “แค่การใช้เงิน รัฐบาลชุดนี้ก็ยังไม่มีสามัญสำนึก จัดลำดับความสำคัญไม่เป็น ไม่รู้ว่าอะไรควรเร่งด่วน อะไรควรชะลอ อะไรควรจ่าย อะไรไม่ควรจ่าย สภาพของประเทศในทุกวันนี้ เปรียบเหมือนบ้านที่พ่อแม่มาล้มป่วย ตกงาน แต่ลูกทรพีก็ยังจะตื๊อซื้อของเล่นให้ได้”
นายวิโรจน์ กล่าวว่า ในส่วนงบด้านการป้องกันประเทศ ถูกปรับลดลง 10,383 ล้านบาท คิดเป็น 4.9% แต่งบสาธารณสุข และงบการศึกษา กลับถูกปรับลดลงมากกว่า งบสาธารณสุขที่จำเป็นมากๆ ต่อชีวิตของประชาชนกลับถูกปรับลดลงถึง 37,207 ล้าน คิดเป็น 10.8% งบการศึกษา ที่เป็นงบของอนาคตของประชาชน ถูกปรับลดลงถึง 26,524 ล้าน คิดเป็น 5.5% ประเทศที่ไม่ป้องกันชีวิตของประชาชน ไม่ให้ความสำคัญกับอนาคตของประชาชน แล้วจะป้องกันประเทศแบบนี้ไปเพื่ออะไร
ทั้งนี้ วิโรจน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า จากที่ได้อภิปรายไปทั้งหมด งบประมาณปี 2565 ภายใต้นายกรัฐมนตรีที่ไร้สามัญสำนึก อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นงบประมาณที่ไม่คำนึงถึงชีวิตของประชาชน ไม่มีความหวังให้กับอนาคตของชาติ ในสถานการณ์ที่ประชาชนต้องเผชิญกับความยากลำบาก ยังกล้าซุกซ่อนไปงบที่ไร้กาละเทศะไม่เห็นหัวประชาชน อยู่เต็มไปหมด เป็นงบประมาณที่ไร้สามัญสำนึก พรรคก้าวไกลขอยืนยันว่า ไม่อาจที่จะรับได้ และขอเรียกร้องรัฐบาลที่ไร้จิตสำนึกชุดนี้ ลาออกไป
“อย่ามาอ้างว่า สถานการณ์ที่ถูกรุมเร้าด้วยปัญหา ไม่ควรจะเปลี่ยนม้ากลางศึก แนะนำให้ลองก้มลงไปดูก่อน ถ้ารู้แน่ๆ ว่าที่ขี่อยู่ไม่ใช่ม้า ถ้าเปลี่ยนเป็นม้าได้เมื่อไหร่ก็คุ้ม” วิโรจน์ทิ้งท้าย