คิกออฟฉีดวัคซีนผู้ต้องขังทั่วประเทศ 7 มิ.ย. นำร่อง 37 แห่ง

“สมศักดิ์”ลั่นคิกออฟฉีดวัคซีนผู้ต้องขังทั่วประเทศ 7 มิ.ย. นำร่อง 37 แห่ง ยันไม่คิดสร้างเรือนจำใหม่เพื่อลดแออัด เตรียมขอพระราชทานอภัยโทษผู้ป่วยติดเตียง วอน ส.ส.ผ่านร่างประมวลกม.ยาเสพติดช่วยลดนักโทษได้กว่า 40,000 คน

เมื่อเวลา 17.00 น. ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวอภิปรายชี้แจงว่า ตนเข้ามาทำงานยังกระทรวงยุติธรรม ได้ทำกองทุนเพื่อช่วยเหลือประชาชนทุกคน และได้ของบประมาณจาก นายกรัฐมนตรีมาสนับสนุน นอกจากนี้ ยังมี ส.ส.หลายท่านพูดถึงสถานการณ์เจ็บป่วยในเรือนจำ มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก ตนไม่ปฏิเสธ เราได้เร่งดำเนินการแล้ว และเมื่อเช้าตนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายสมคิดเชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งคำถามกับตน ถึงความแออัดในเรือนจำ ซึ่งมาตรฐานสากลคือ 2.25 ตร.ม.ต่อคนนั้นถูกต้อง แต่เราทำได้ 1.2 ตร.ม.ทั้งๆที่จากเดิมไม่ถึง 1 ตร.ม.ด้วยซ้ำ วันนี้แม้จะไม่แออัดเหมือนเดิม แต่เรายังไม่พอใจ ยังดำเนินการต่อ ตอนที่ตนเข้ามาเป็นรัฐบาลใหม่ๆ มีผู้ต้องขังมีประมาณ 390,00 คน นอนแออัดกันมาก จึงพยายามลดความแออัด จนปัจจุบันเหลือผู้ต้องขัง 310,000 คน ซึ่งเป็นการดำเนินการหลายๆอย่าง เช่น การสร้างเตียงนอนสองชั้น การพักโทษด้วยเหตุพิเศษสวมกำไลEM โดยปัจจุบันมีเรือนจำทั้งหมด 142 แห่ง รวมแล้วมีพื้นที่นอน 300,000 ตร.ม. หากเราจะทำให้ถึงมาตรฐานสากล 2.25 ตร.ม. ต้องสร้างเรือนจำอีก 100 แห่ง ใช้งบประมาณมหาศาลและเวลาก่อสร้างอีกนาน ซึ่งเป็นไปไม่ได้

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการเตรียมการพิจารณาขอพระราชทานอภัยโทษกับผู้ต้องขังที่ป่วยติดเตียงหรือเป็นโรคเรื้องรังที่มีอยู่ 11,665 คน และยังมีร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดที่กำลังรอการพิจารณาของรัฐสภา ซึ่งสาระสำคัญมีทั้งการปราบปรามยาเสพติด การยึดทรัพย์ และปรับอัตราโทษใหม่ ทำให้มีคนที่จะออกจากห้องขังประมาณ 30,000-40,000 คนโดยคำสั่งศาล ซึ่งหากได้พิจารณาจะลดความแออัดได้อีกและมาตรฐานระยะห่างภายในเรือนจำจะใกล้เคียงกับสากล ตนขอร้องให้สมาชิกทุกท่านช่วยพิจารณาผ่านร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดด้วย อีกเรื่องหนึ่งสิ่งที่นายสมคิดเสนอให้รีบฉีดวัคซีนผู้ต้องขังพื้นที่สีแดงโดยด่วนที่สุด ตรงกับความคิดเห็นของกระทรวงยุติธรรม และท่านนายกฯได้อนุมัติการดำเนินการแล้ว วันที่ 7 มิ.ย.จะคิกออฟในเรือนจำที่ไม่มีผู้ติดเชื้อ ตามพื้นที่สีแดง 37 เรือนจำเป็นเฟสแรก จากนั้นจะดำเนินการทั่วประเทศต่อไป

//////