“อนุทิน” แจงแผนจัดสรรวัคซีนโควิด 19 เผย พื้นที่ระบาดหนัก ต้องได้รับจัดสรรมาก
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการตรวจเยี่มจุดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ ห้างสรรพสินค้า เดอะมอลล์ บางแค ว่า ตามนโยบายของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) ในการกระจายวัคซีน เพื่อประชาชนอย่างทั่วถึง การฉีดวัคซีนนอกสถานพยาบาลที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ บางแค จึงถือเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ สธ. ได้จัดสรรวัคซีนให้กับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ตามแผนการกระจายวัคซีนที่ได้รับการเห็นชอบจาก ศบค.ที่จัดสรรให้ กทม. ประมาณ 2 ล้านโดส ก่อนกระจายไปยังจุดฉีดทั้งในและนอกสถานพยาบาล
“พื้นที่ซึ่งระบาดมาก ก็ต้องเร่งแก้ไข อาทิ กทม. มีการระบาดที่ค่อนข้างสูง และเพื่อการป้องกันควบคุมโรคที่ดี จะต้องเร่งฉีดวัคซีนให้พื้นที่เสี่ยง หากแก้ปัญหาใน กทม.ได้ ก็เสมือนว่าป้องกันจังหวัดอื่นๆ ของประเทศไทยได้ เพราะเป็นศูนย์กลางที่ผู้คนทั่วประเทศมาทำมาหากินมา ใช้ชีวิตและสัญจร”
นายอนุทินกล่าวถึงกรณีการกระจายวัคซีนไปยังพื้นที่ต่างๆ ว่า เรื่องการจัดสรรวัคซีน จะคำนวณจากจำนวนวัคซีนหารด้วยจำนวนจังหวัด และหารด้วยจำนวนประชากรในจังหวัด แล้วมาเทียบกับปัจจัยเสี่ยงในพื้นที่ก็จะออกมาเป็นตัวเลขของวัคซีนในแต่ละจังหวัด ซึ่งไม่มีจังหวัดไหนที่ได้เท่ากันแน่นอน แต่เป็นการจัดสรรอย่างเป็นธรรม จากนั้นกรมควบคุมโรค กระจายวัคซีนลงไปตามจำนวนที่คำนวณ
หลังจากนั้นทางจังหวัด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้บริหารจัดการจัดส่งเอง ดังนั้น กรณีที่พื้นที่ไหน มีข้อสงสัยจากสังคม ต้องไปดูว่าไม่ใช่พื้นที่การระบาดหรือไม่ถึงได้รับวัคซีนในจำนวนเท่านั้น ซึ่งต้องสอบถามไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด
นายอนุทินกล่าวด้วยว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีวัคซีน 2 ชนิดคือ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าและวัคซีนซิโนแวค ซึ่งวันนี้พิสูจน์แล้วว่าเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง ประเทศไทยมีการทดสอบที่ จ.ภูเก็ต พบว่า วัคซีนซิโนแวค เมื่อฉีดครบ 2 เข็มแล้วประสิทธิภาพ ประสิทธิผลป้องกันการแพร่กระจาย ลดอาการหนัก และลดอัตราการเสียชีวิตได้มาก.