“ดีเอสไอ” สนธิกำลัง ปปส. และ สตช.เข้าตรวจค้นและยึดทรัพย์ขบวนการค้ายาเสพติด ในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือ (ชมคลิป)
ตามคำสั่งอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษเพื่อการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้เป็นไปตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้มีการบูรณาการทุกหน่วยงานในการขับเคลื่อนการดำเนินการเพื่อยึดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดและผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดทั้งในส่วนกลางและระดับพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรมและเกิดผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ
พันตำรวจโทกรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พันตำรวจโทสมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะกำกับดูแล จึงได้สั่งการให้ นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และรองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการพาลีปราบยา 2 และหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 33/2564 ทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง จนพบกลุ่มผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติคนสำคัญ ซึ่งมีพฤติการณ์ฟอกเงินให้กับกลุ่มค้ายาเสพติดรายใหญ่
ในวันพุธที่ 22 กันยายน 2564 เวลา 07.00 น. จึงได้สนธิกำลังกับ 3 หน่วยงาน ได้แก่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และตำรวจภูธรจังหวัดตาก เข้าค้นบริษัท ค้าอัญมณี ตั้งอยู่ในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ตามอนุมัติศาลจังหวัดแม่สอด ที่ ค.179/2564 ลงวันที่ 21 กันยายน 2564 และในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้แก่ ห้องชุดคอนโดหรู ขนาดพื้นที่ 165 ตร.ม. บนถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ย่านสาทร กรุงเทพมหานคร ตามอนุมัติศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ ค.151/2564 ลงวันที่ 20 กันยายน 2564
โดยปรากฏผลการสืบสวนสอบสวนว่า กลุ่มบุคคลเหล่านี้มีธุรกรรมต้องสงสัยและมีความเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับเส้นทางการเงินกับกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด ซึ่งผลการตรวจสอบย้อนหลัง 9 ปี นับแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน พบว่า มีเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารของผู้ต้องสงสัย บุคคลใกล้ชิดและบุคคลอื่นๆ ในห้วงเวลาเกิดเหตุจนถึงปัจจุบัน รวมกว่า 2,500 ล้านบาท ซึ่งไม่สอดคล้องกับผลประกอบการของบริษัท อีกทั้งปรากฏข้อมูลรายได้ตามแบบ ภงด. 90, 91 ของผู้ต้องสงสัยนี้ มีรายได้เพียงสามแสนบาทเศษต่อปี
ผลการตรวจค้นเป้าหมาย พบทรัพย์สิน ดังนี้
1.ห้องชุด คอนโด The Star ที่สาทร กรุงเทพมหานคร มูลค่า 26 ล้านบาท
2.รถยนต์ จำนวน 2 คัน มูลค่า รวม 2,900,000 บาท (สองล้านเก้าแสนบาท)
3.รถจักรยานยนต์ 2 คัน มูลค่ารวม 1 แสนบาท
4.เงินสด สกุล บาท จำนวน 2,408,000 บาท (สองล้านสี่แสนแปดพันบาท)
5.เงินสด สกุล US ดอลลาร์ จำนวน 1,536 Usd (51,150 บาท)
6.เช็คเงินสด จำนวน 1,720,000 บาท (หนึ่งล้านเจ็ดแสนสองหมื่นบาท)
7.โฉนดที่ดิน จำนวน 2 แปลง มูลค่ารวม 10 ล้านบาท
8.เครื่องประดับ และหินสี อัญมณี ประกอบด้วย
-แหวนสีทองประดับอัญมณี จำนวน 19 วง
-ต่างหูสีทอง จำนวน 9 คู่
-กำไรสีทอง จำนวน 14 ชิ้น
-สร้อยสีทอง จำนวน 9 เส้น
-จี้เพชร จำนวน 5 ชิ้น
-เครื่องประดับใส่ข้อมือ จำนวน 2 เส้น
-สร้อยหินสีเขียว จำนวน 2 เส้น มูลค่ารวม 220,000 บาท
-หินสีคล้ายเพชร และอัญมณี จำนวนมาก
รวมจำนวน 100 กว่าชิ้น ประเมินมูลค่ารวม 600,000 บาท
รวมมูลค่าทรัพย์สินที่พบประมาณ 43 ล้านบาท พฤติการณ์ดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ มาตรา 5 มาตรา 7 และมาตรา 9 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 นอกจากนี้ยังพบเอกสารธุรกิจ และหลักฐานการเงินจำนวนมาก.