“บิ๊กป้อม” ลงใต้กระตุ้นรับมือปัญหาน้ำท่วม-เข้มเฝ้าระวังควบคุมโรค เร่งยกระดับคุณภาพชีวิต แก้ความเดือดร้อนประชาชน

พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ เดินทางลงตรวจราชการในพื้นที่ จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อติดตามงานด้านความมั่นคง การค้าชายแดน การการแก้ปัญหาโรคระบาด รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิต และพบปะแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่

โดยเดินทางถึงศาลากลางจังหวัดนราธิวาส และร่วมประชุมติดตามยกระดับความก้าวหน้าการพัฒนาพื้นที่การค้าชายแดนทั้ง 9 ด่านในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งปี 64 สร้างมูลค่าทางการค้าได้กว่า 3.1 แสนล้านบาท โดยเฉพาะการพัฒนาศักยภาพด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก ด่านตากใบ และด่านบูเก๊ะตา รวมทั้งรับฟังข้อเสนอและแนวทางแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่ง พล.อ.ประวิตรได้ย้ำให้กรมศุลกากรเร่งปรับโครงสรัางพื้นฐานรองรับการค้าชายแดน และประสานกรมควบคุมโรค ตรวจหาสารพันธุกรรมเชื้อ COVID-19 ไปพร้อมกัน โดยเฉพาะด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก พร้อมทั้งย้ำให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ประสานการทำงานเร่งผลักดันโครงการที่ยังค้างให้เป็นไปเป็นรูปธรรมตามแผนโดยเร็ว โดยเฉพาะการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโกลก ที่ อ.สุไหโก-ลก และ อ.ตากใบ และขอให้ฝ่ายปกครองในพื้นที่ ยังคงเข้มมาตรการป้องกันและควบคุมโรคต่อเนื่องกันไปโดยไม่ประมาท

จากนั้นเดินทางลงพื้นที่จังหวัดสงขลาพบปะและให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมในพื้นที่ ต.ปากบาง และตรวจติดตามการแก้ปัญหาน้ำท่วมและน้ำหลากในพื้นที่บริเวณปากแม่น้ำเทพา อ.เทพา ซึ่งเป็นปัญหาต่อเนื่องหลายปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งร่วมประชุมกับส่วนราชการต่างๆ และภาคเอกชน เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง การพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม บริเวณปากแม่น้ำเทพาและพื้นที่ใกล้เคียง

พล.อ.ประวิตรได้สั่งการกรมเจ้าท่าและจังหวัดสงขลา ให้เร่งก่อสร้างกำแพงป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งยาว 2 กม.บริเวณปากแม่น้ำเทพา ตามแผนงานโดยเร็ว โดยให้ทำความเข้าใจกับประชาชนไปพร้อมกัน เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากน้ำท่วมซ้ำซากและปัญหาขาดแคลนน้ำที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.เทพาต่อเนื่องกันมายาวนาน พร้อมทั้งให้ ศอ.บต.ร่วมกับทางจังหวัด บูรณาการแผนงานเชิงพื้นที่ยกระดับการพัฒนาเป็น “ศูนย์กลางการ กระจายสินค้าจังหวัดชายแดนภาคใต้” เสนอแผนงานเข้า ครม.ขอรับการสนับสนุนงบประมาณโดยเร็ว เพื่อยกระดับเศรษฐกิจพื้นที่และคุณภาพชีวิตชุมชนไปพร้อมกัน

ทั้งนี้ มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)​ เร่งขับเคลื่อนบูรณาการแก้ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง โดยเฉพาะแผนเผชิญเหตุเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้และการเก็บสำรองน้ำไว้รองรับฤดูแล้งคราวเดียวกัน.