“อนุทิน” ระบุ ไทยยังไม่ล็อกดาวน์ แต่ขอฉลองปีใหม่ ภายใต้มาตรการด้านสุขภาพ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติว่า วัคซีนยังเป็นอาวุธสำคัญในการสู้กับเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน เพราะป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราได้เร่งฉีดเข็ม 3-4 แล้ว ประชาชนที่เข้าเกณฑ์ได้รับวัคซีนขอให้มารับการฉีด เพื่อช่วยกันควบคุมโรค

นายอนุทินยังย้ำว่า ยังไม่มีการประชุมเร่งด่วนเพื่อพิจารณาล็อกดาวน์ แต่ขอให้ประชาชนฉลองเทศกาลปีใหม่ภายใต้มาตรการด้านสุขภาพ ท่านนายกฯ กำชับว่าให้แต่ละจังหวัดจัดการให้ปลอดภัย การพิจารณาจึงขึ้นกับผู้ว่าฯ ที่เป็นประธาน คกก.โรคติดต่อของจังหวัด ขณะที่นายแพทย์ สสจ.จะให้ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อการพิจารณาในการดำเนินการ

ส่วนกรณี 2 สามี และภรรยา ชาวไทย ที่เดินทางเข้าผ่านระบบ Test & Go ก่อนจะพบว่า ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนที่เป็นข่าวไปก่อนหน้า ล่าสุดมีผู้สัมผัสเสี่ยงกว่า 100 คน ในจำนวนนี้รับรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อโอมิครอนแล้ว 22 คน ภาพรวมสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโอมิครอนในไทยมีผู้ติดเชื้อสะสมแล้ว 205 คน

ต่อมาที่กรณีนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลเบื้องต้น พบว่า โอกาสในการแพร่ระบาดสู่คนอื่นค่อนข้างต่ำ เนื่องจากเชื้อน้อยและเป็นซากเชื้อ จากเคสนี้เรายังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม ตอนนี้ได้ให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ตรวจสอบการเข้าพักโรงแรมซึ่งเป็นสถานที่กักตัว เพื่อกำชับมาตรการต่างๆ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีก และถ้าพบความหละหลวมก็ต้องถูกดำเนินคดี

นายอนุทินกล่าวด้วยว่า ล่าสุดแอสตร้าเซนนาก้าได้ออกแถลงการณ์ยืนยันถึงประสิทธิภาพวัคซีน กรณีได้รับเป็นเข็มบูสเตอร์สามารถป้องกันเชื้อโอมิครอนได้ดี ข้อมูลดังกล่าวจะนำเข้าสู่คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เพื่อพิจารณาหาแนวทางการให้บริการประชาชนต่อไป

“ทางบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าได้ออกแถลงการณ์ว่าการฉีดเข็ม 3 สามารถป้องกันเชื้อโอมิครอนได้ดี มีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นยังยืนยันแล้วว่าวัคซีน Gen 2 จะเริ่มส่งได้ในปี 2565 ตอนนี้ทางกรมควบคุมโรคมีข้อมูลว่าความรุนแรงของสายพันธุ์โอมิครอน ไม่ได้มากไปกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ แต่ขอให้เราไม่ประมาท สำหรับ สธ.เรามีประสบการณ์ และเตรียมความพร้อมไว้แล้ว” นายอนุทินกล่าว.