“บิ๊กป้อม” ลงโคราชมอบของขวัญชิ้นใหญ่ “ที่ดินทำกิน” ให้คนไม่มีบ้านและไร้ที่ ยกต้นแบบช่องโคพัฒนา-​เร่งขยายผลช่วยเกษตรกรและคนยากจนทั่วประเทศ

พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ จังหวัดนครราชสีมา เพื่อผลักดันและขับเคลื่อนการจัดที่ดินทำกินให้กับเกษตรกรและผู้ยากจน รวมทั้งติดตามความคืบหน้าการบริหารจัดการลุ่มน้ำมูล

โดยรับทราบความคืบหน้าและความสำเร็จ ของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (บจธ.) ที่ให้การช่วยเหลือประชาชนให้มีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของตนเองแล้ว ดังนี้ 1)โครงการบริหารจัดการที่ดินอย่างยั่งยืน ที่สนับสนุนกลุ่มเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินของตนเอง จำนวน 11 กลุ่มวิสาหกิจชุมชนและหนึ่งสหกรณ์การเกษตรใน 5 ภูมิภาค มีเกษตรกรได้รับการช่วยเหลือแล้ว 482 ครัวเรือน 2)โครงการแก้ปัญหาการสูญเสียสิทธิ์ในที่ดินทำกินของเกษตรกรและผู้ยากจน โดยสนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกร นำไปไถ่ถอนที่ดิน จากการจำนอง ขายฝาก เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรกลับมามีที่ดินทำกินและที่อาศัยของตนเองแล้ว 387 ราย 3)โครงการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาที่ดิน จากนโยบายรัฐโดยสนับสนุนสินเชื่อจัดซื้อที่ดินให้ผู้ได้รับผลกระทบในรูปแบบแปลงรวมถือกรรมสิทธิ์ร่วม ด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่โดยมีเกษตรกรได้รับการช่วยเหลือแล้ว 53 ครัวเรือนใน 2 กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และ 4)โครงการธนาคารที่ดินนำร่องในพื้นที่ 5 ชุมชน ให้เกษตรกรและผู้ยากจน มีที่ดินทำกินที่เหมาะสมตามรูปแบบที่กำหนดจำนวน 500 ครัวเรือน

ต่อจากนั้นได้กระทำพิธีเปิดป้ายหมู่บ้าน “พิมานอุดมสุข” ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมอบสิทธิ์ในที่ดินทำกินแก่ ตัวแทนวิสาหกิจชุมชนไร่นาสวนผสมเกษตรกรฐานราก ช่องโคพัฒนา อ.พิมายให้เกษตรกรเข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน สปก. 4-01 จำนวน 3,250 ฉบับ และเยี่ยมชมตลาดนัดชุมชนผลผลิตของเกษตรกร ตามหลักทางเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ สู่ความยั่งยืนบนที่ดินผืนดังกล่าว

โดย พล.อ.ประวิตรได้กล่าวขอบคุณ บจธ.ที่เร่งขับเคลื่อนแก้ปัญหาช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนในการแก้ปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ด้านเศรษฐกิจฐานรากที่ต้องการให้การบริหารจัดการที่ดินและกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม โดยเฉพาะมีความคืบหน้าอย่างมากใน 4 โครงการหลัก ทั้งนี้ได้ย้ำว่ายังมีเกษตรกรและผู้ยากจนอีกจำนวนมาก ที่ไร้ที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน จึงขอให้เร่งขยายผลความสำเร็จดังกล่าว ให้ครอบคลุมทั่วประเทศโดยเร็ว และขอให้พี่น้องประชาชน นำที่ดินที่ได้รับไปทำประโยชน์จริง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินและเกิดประโยชน์สูงสุดในการบริหารจัดการที่ดินร่วมกันอย่างยั่งยืน.