“นายก” ย้ำทุกฝ่ายติดตามเฝ้าระวังการแพร่ระบาดโควิด-19 และโอมิครอนใกล้ชิดเพื่อเตรียมรับมือ
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำทุกฝ่ายติดตามการเฝ้าระวังสถานการณ์การแพร่ระบาดการติดเชื้อโควิด-19 และโควิดสายพันธุ์โอมิครอนหลังเทศกาลปีใหม่อย่างต่อเนื่องใกล้ชิด เพื่อเตรียมรับมือให้ทันกับสถานการณ์ เนื่องจากขณะนี้พบมีผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ทำให้ประเทศไทยต้องประกาศชะลอการเดินทางเข้าประเทศในระบบ Test & Go เพื่อประเมินสถานการณ์จนถึงวันที่ 4 มกราคม 2565
อย่างไรก็ตาม กรณีผู้เดินทางในระบบ Test & Go ที่ยังค้างอยู่ในระบบ หากต้องการใช้สิทธิตามที่ลงทะเบียน จะต้องเดินทางเข้ามาภายในวันที่ 10 มกราคม 2565 หลังจากนั้นหากบุคคลใดต้องการเข้ามาประเทศไทยจะต้องเข้าระบบแซนด์บ็อกซ์ (Sandbox) ที่ภูเก็ต หรือ ผ่านระบบกักตัว (Quarantine) เท่านั้น
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังเน้นย้ำให้ประชาชนทุกคนร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการทางด้านสาธารณสุขที่ ศบค.และสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด รวมทั้งขอให้เข้ารับการฉีดวัคซีนให้ครบตามเกณฑ์ที่กำหนด และรับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดกระตุ้นเข็ม 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ทันต่อเชื้อไวรัสอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังช่วยลดความรุนแรงหากติดเชื้อไวรัสโควิด และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี
นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงปีใหม่ ขอความร่วมมือประชาชนตรวจคัดกรองด้วย ATK และทำงานที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน หากต้องเริ่มปฏิบัติงานทันทีขอให้ตรวจ ATK ก่อนเข้าทำงาน และในสัปดาห์แรกให้ตรวจ 2 ครั้งห่างกันอย่างน้อย 3 วัน พร้อมทั้งเฝ้าระวังอาการจนครบ 14 วัน และงดการรวมกลุ่มพูดคุย/รับประทานอาหาร หากเกิดการติดเชื้อในโรงงานไม่จำเป็นต้องปิดโรงงาน แต่ขอให้ใช้มาตรการ Bubble & Seal เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อออกภายนอก
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) วันนี้ (4 มกราคม 2565) พบมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 3,091 ราย ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 – 3 มกราคม 2565 มีจำนวน 2,206,713 ราย และมีผู้ที่กำลังรักษาตัวอยู่ 33,505 ราย หายป่วยกลับบ้านแล้ว 2,688 ราย ส่งผลให้ตัวเลขรวมหายป่วยสะสม จำนวน 2,152,895 ราย และผู้เสียชีวิตเพิ่ม 12 ราย.