“สำนักงานสลาก” ยันมาตรการตรวจสอบผู้ขายจริงตามราคาจำเป็นทั้งระบบซื้อจองและโควตา

นายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล พร้อมด้วยนายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล และพันโทหนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ร่วมกันแถลงต่อผู้สื่อข่าว ถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคา ตามมาตรการต่างๆ ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
 
นายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวถึงภาพรวมของการดำเนินมาตรการทั้ง 3 มาตรการ ประกอบด้วย โครงการสลาก 80 ซึ่งในเฟสแรกมี 77 จุด  ขณะนี้ได้มีการคัดเลือกตัวแทนจำหน่าย ในส่วนของกรุเทพมหานคร ปริมณฑล และภาคกลาง รวม 151 จุด อยู่ระหว่างการทำสัญญารับสลากไปจำหน่าย เริ่มงวด 2 พฤษภาคม 2565 ซึ่งจะทำให้ยอดรวมของจุดจำหน่ายสลากโครงการ 80 มีทั้งหมด 228 ราย (18 จังหวัด) สำหรับผู้สมัครเข้าร่วมโครงการในจังหวัดต่างๆ ทางภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออกและภาคใต้ อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการคัดเลือกอย่างต่อเนื่อง 
  
สำหรับการคัดกรองผู้ลงทะเบียนซื้อ-จองล่วงหน้า ทั้งในส่วนของรายเดิมปี 2558 และที่สมัครใหม่ 2565 นั้น เนื่องจากผู้ลงทะเบียนมีจำนวนมาก จึงต้องมีการตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบ โดยใช้การตรวจสอบการจำหน่ายจริงตามราคา และข้อมูลจากภาครัฐในการดำเนินการคัดกรอง ได้แก่ กรมการปกครอง กรมบัญชีกลาง สำนักงานประกันสังคม กองทุนการออมแห่งชาติ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง มาประกอบการพิจารณา เพื่อให้การคัดกรองมีความแม่นยำถูกต้อง และได้ผู้ที่ทำอาชีพขายสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวจริงที่กำลังขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในปัจจุบัน ไม่ใช่  ผู้ที่นำสลากไปจำหน่ายต่อให้แก่พ่อค้าคนกลาง  สำหรับการดำเนินการจำหน่ายสลากผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์โดยสำนักงานสลากฯ นั้น อยู่ระหว่างพัฒนาระบบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ระยะเวลาอันใกล้

นายธนวรรธน์  พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวถึงรายละเอียดของการตรวจสอบการเป็นผู้จำหน่ายสลากจริง ของผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ รายเดิมปี 2558 โดยวิธีการ Scan QR Code จากผู้ซื้อสลากเพื่อยืนยันว่าเป็นผู้จำหน่ายสลากจริงในราคา 80 บาท และการจำหน่ายสลากผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน” ว่า มาตรการดังกล่าว มีความสำคัญและจะช่วยยืนยันการจำหน่ายสลากของผู้ขายได้ ทั้งในส่วนของระบบซื้อ-จองล่วงหน้าและระบบตัวแทนจำหน่าย นอกจากนี้ สำนักงานสลากฯ ได้มีหนังสือขอความร่วมมือทุกจังหวัด ในการสำรวจผู้จำหน่ายสลากจริงที่จำหน่ายสลากในพื้นที่ของจังหวัด เพื่อนำข้อมูลผู้ที่จำหน่ายสลากจริงที่ผ่านการตรวจสอบจากจังหวัด มาตรวจสอบร่วมกับข้อมูลจากการลงพื้นที่ของชุดเฉพาะกิจที่อยู่ระหว่างการลงพื้นที่สำรวจข้อมูลผู้ขายสลากทั่วประเทศอยู่ในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจน และมีการตรวจสอบด้วยความรอบคอบครบถ้วนทุกมิติ สำนักงานสลากฯ จึงกำหนดเวลาผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ รายเดิม ปี 2558 ที่ได้ลงทะเบียนยืนยันตัวตนเดือนมกราคม 2565 แล้ว สามารถทำรายการซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ ได้ไปพลางก่อน จนกว่าสำนักงานฯ จะดำเนินการคัดเลือกและประกาศรายชื่อผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ รายใหม่ทั้งหมด และให้แยกจำนวนผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ รายเดิม ปี 2558 และรายใหม่ ปี 2565 ออกจากกัน เพื่อมิให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินการ

ทั้งนี้  ผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ รายเดิม ปี 2558 มีจำนวนไม่เกิน 129,290 ราย (จากยอดผู้ยืนยันตัวตนเดือนมกราคม 2565)  และผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ รายใหม่  ปี 2565  จะมีจำนวนไม่เกิน 70,000 ราย ซึ่งจะเร่งดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว

ในส่วนของขั้นตอนและกระบวนการดำเนินการที่เกี่ยวข้องนั้น พันโทหนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า  จากการที่ได้มีการทดสอบระบบ ให้ผู้ซื้อสลาก Scan QR Code จากผู้ซื้อสลากเพื่อยืนยันว่าเป็นผู้จำหน่ายสลากจริงในราคา 80 บาท และให้มีการจำหน่ายสลากผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน”  ตั้งแต่งวดวันที่ 16 มีนาคม 2565 ถึงงวดวันที่ 16 เมษายน 2565  เพื่อนำข้อมูลที่ได้จากการทดสอบการใช้ระบบ มาตรวจสอบการเป็นผู้จำหน่ายสลากจริงนั้น  สำนักงานจะดำเนินการตรวจสอบการเป็นผู้จำหน่ายสลากจริงด้วยวิธีดังกล่าวอีกอย่างน้อยจำนวน 3 งวดในภายหลัง 

สำหรับการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำบัญชีผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้น สำนักงานสลากจะแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเกี่ยวข้องร่วมเป็นองค์ประกอบ เพื่อให้เกิดการรับรู้เป็นวงกว้างและเพิ่มความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น และจะประกาศอย่างเปิดเผย รวมถึงขั้นตอนในการคัดเลือกและกำหนดการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

พันโทหนุนกล่าวอีกว่า เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับการตรวจสอบผู้ค้าจริงในระบบตัวแทนจำหน่ายสลากสอดคล้องกับระบบซื้อ-จองล่วงหน้าสลากกินแบ่งรัฐบาล และนำข้อมูลมาประกอบการพิจารณาในการทำสัญญา สำนักงานสลากจะนำระบบการตรวจสอบมาใช้กับระบบตัวแทนจำหน่ายประเภทบุคคลทั่วไป(รายย่อย) คนพิการที่รับสลากที่ไปรษณีย์ และนิติบุคคลด้วยเช่นเดียวกัน คือดาวน์โหลด QR Code มาติดไว้ที่จุดจำหน่ายสลาก เพื่อให้ผู้ซื้อ scan ยืนยันการจำหน่ายสลากราคา 80 บาทผ่านไลน์ของสำนักงาน และในส่วนของตัวแทนรายย่อย และคนพิการที่รับสลากที่ไปรษณีย์ ให้สมัครแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และซื้อ-ขายสลากผ่านระบบแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน” สำหรับ ตัวแทนนิติบุคคล (สมาคม องค์กร มูลนิธิคนพิการ) นั้น มีมาตรการตรวจสอบโดยเฉพาะอยู่แล้ว กรณีไม่ปฏิบัติตามสัญญา รวมถึงการนำสลากไปจำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ด้วย.