ให้ออกไว้ก่อน!!! ‘จเรตำรวจแห่งชาติ’​ สั่งฟัน ด.ต.ท่องเที่ยวเก็บส่วย-ชี้เสื่อมเสียภาพลักษณ์

จากกรณีวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา เวลา 19.30 น.ชุดเฉพาะกิจกรมการปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางใหญ่ ได้ร่วมกันจับกุม ด.ต.ภูวเมศร์  หิรัญวงศ์วราดล ผบ.หมู่ ส.ทท.1 กก.1 บก.ทท.3 และนายมานัส สุขสอง ได้ที่บริเวณลานจอดรถหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเขต อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ขณะที่ทั้งสองได้ขับรถยนต์ตระเวนเก็บส่วยสถานบันเทิงในเขตจังหวัดนนทบุรี  โดย ด.ต.ภูวเมศร์ ได้ใช้รถยนต์สายตรวจตำรวจท่องเที่ยวยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ เป็นยานพาหนะในการตระเวนเก็บส่วยนั้น

ล่าสุด พล.ต.อ.วิสนุ  ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว  สั่งการให้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวโดยเร่งด่วน เพราะว่าเป็นการกระทำความผิดอย่างชัดเจนจนถูกจับกุมดำเนินคดี ซึ่งสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นอย่างมาก 

โดยในเรื่องนี้จะต้องทำให้เกิดความชัดเจนเลยว่าหากตำรวจคนใดกระทำผิดกฎหมายเสียเอง ก็จะต้องถูกดำเนินการทั้งทางอาญาและทางวินัยอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว  จึงได้สั่งการไปยัง พล.ต.ท.สุคุณ  พรหมมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (ผบช.ทท.) ให้รีบดำเนินการทางวินัยในทันที โดยให้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงโดยไม่ต้องรอตรวจสอบข้อเท็จจริง และมีคำสั่งให้ ด.ต.ภูวเมศร์ ออกจากราชการไว้ก่อนโดยเร็วที่สุด

สำหรับในส่วนของการดำเนินคดีอาญานั้นได้กำชับให้ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี ลงไปกำกับดูแลการสอบสวนของพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่  ให้ดำเนินคดีนี้อย่างรัดกุม รวดเร็วและเป็นธรรม เพื่อให้สังคมเห็นว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไม่ปกป้องตำรวจที่กระทำผิดในลักษณะนี้อย่างแน่นอน 
         
นอกจากนี้ ผบ.ตร.ยังได้สั่งการกำชับไปยัง ผบช.ทท. ให้ดำเนินการทางวินัยกับผู้บังคับบัญชาของ ด.ต.ภูวเมศร์ ที่บกพร่องในการปกครองดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาจนทำให้มาก่อเหตุดังกล่าวขึ้น  ต้องมีการตรวจสอบการนำรถยนต์สายตรวจตำรวจท่องเที่ยว ซึ่งเป็นรถยนต์ของทางราชการมาใช้ในการกระทำผิดนอกเขตพื้นที่รับผิดชอบของ ด.ต.ภูรเมศร์ ด้วยว่าเป็นไปโดยถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ ซึ่งหากพบว่าเป็นความบกพร่องของผู้ใดก็ให้ดำเนินการทางวินัยในเรื่องดังกล่าวด้วยเช่นกัน โดย พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวยืนยันอย่างหนักแน่นว่าหากพบว่ามีตำรวจนายใดออกนอกแถวไปกระทำผิดในลักษณะนี้อีก จะต้องถูกดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาดทุกราย.