ไม่ฉีดฮอร์โมน!!! พรบ.ป้องกันกระทำความผิดซ้ำฯ เน้นติดตาม

นางสาวพัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่รัฐสภาพิจารณาผ่านร่าง พระราชบัญญัติป้องกันการกระทำความผิดซ้ำของผู้กระทำความผิดอุกฉกรรจ์ที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. … ต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้วนั้นว่า ในขณะนี้ยังมีบางมาตรที่ยังมีการตีความและปรับแก้ ซึ่งเมื่อสำเร็จสมบูรณ์แล้วจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณาอย่างละเอียดอีกขั้นตอนหนึ่ง

ส่วนในขณะนี้ที่สังคมให้ความสนใจในร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว โดยเฉพาะมาตรการทางการแพทย์ที่จะมีการฉีดฮอร์โมน เพื่อลดความต้องการทางเพศให้กับผู้กระทำผิดในคดีล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งในลักษณะของการบังคับใช้นั้นยังจะต้องมีการพิจารณาจากคณะกรรมการอีกหลายขั้นตอน เพราะเป็นกฎหมายที่มีความละเอียดอ่อน จะต้องมีการลงความเห็นทางการแพทย์ ด้านจิตเวช ตลอดจนความยินยอมของผู้ต้องหา เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการบังคับใช้

โดยในเบื้องต้นหากกฎหมายมีผลบังคับใช้ กฎหมายดังกล่าวจะมีผลครอบคลุมไปทั้งผู้ที่กระทำความผิด และผู้ที่ถูกตัดสินโทษและจำคุกอยู่แล้วด้วย แต่ยืนยันว่าไม่ใช่การฉีดฮอร์โมนทุกกรณีเพราะมีค่าใช้จ่ายต่อรายราว 100,000 บาท และระยะการออกฤทธิ์ควบคุมมีเพียง 3-6 เดือน การจะฉีดฮอร์โมนให้ผู้ต้องหาจะต้องพิจารณาถึงการกระทำความผิดรุนแรงซ้ำ ผู้ต้องขังที่มีแนวโน้มกระทำผิดซ้ำ หรือผู้ต้องขังที่สมัครใจเข้ารับการฉีดเพื่อขอผ่อนผันลดการรับโทษ เป็นต้น ส่วนกรณีที่ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ในคดีความรุนแรงทางเพศทันทีทุกคน คือการติดตามตัวด้วยกำไล em เมื่อพ้นจากการคุมขัง โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยติดตามควบคุมต่อเนื่องผ่านกำไล em.