“ตำรวจ” รวบนายทุนใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ส่งจีน-หลังลักลอบส่งคนไปทำงานในลาวและกัมพูชา
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ค.65 ได้รับแจ้งจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ว่านาย Zhou Dawei (โจว ต้าเหว่ย) สัญชาติจีน ที่ทางการจีนออกหมายแดง (Red Notice) ในข้อหา “การจัดการและขนส่งบุคคลลักลอบเข้าและออกเมือง” จะเดินทางเข้ามายังราชอาณาจักรไทยผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงสั่งการให้ สตม.ทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ที่ห้องกักท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อสืบสวนขยายผลและส่งตัวให้กับทางการจีน และมอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร., ผบช.สตม. และ ผบก.กองการต่างประเทศ (ตท.) กำกับดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวว่า จากการประสานกับทางการจีน ทราบว่า นาย Zhou มีพฤติการณ์นำชาวจีนลักลอบข้ามแดนไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ (Call Center) ที่ประเทศลาวและกัมพูชา เป็นบุคคลที่กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ และ ตม.จีนต้องการตัวเป็นอย่างมาก ต่อมาวันที่ 23 ก.ค.65 เวลา 15.30 สั่งการให้ พล.ต.ต.เขมรินทร์ หัสศิริ ผบก.ตท. พร้อมด้วยผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจประจำสถานเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย เข้าสอบปากคำผู้ต้องหาที่ห้องกักท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
โดยนาย Zhou รับสารภาพว่าได้นำชาวจีนลักลอบข้ามแดนไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ลาวและกัมพูชาจริง ทางการจีนได้แจ้งให้ผู้ต้องหาทราบว่า “เป็นบุคคลมี Red Notice และได้ทำการยกเลิกหนังสือเดินทางผู้ต้องหาแล้ว” ซึ่งผู้ต้องหาได้รับทราบและยินยอมกลับไปเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ก่อนส่งตัวกลับไปยังประเทศจีนในวันที่ 25 ก.ค. เวลาประมาณ 17.00 น. โดยสายการบิน China Southern Airlines CZ 3082 ซึ่งทางการจีนเป็นผู้ดำเนินการเรื่องตั๋วเครื่องบินเองทั้งหมด
ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญในเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ด้วยการแสวงหาความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน และในภูมิภาคอาเซียนที่มีปัญหาคล้ายๆ กัน ซึ่งก่อนหน้านี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม Cybercrime Conference for Law Enforcement Agencies and Partners ณ จ.ภูเก็ต โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) เป็นประธาน มีผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน 8 ประเทศ คู่เจรจานอกอาเซียน 7 ประเทศ ตำรวจที่ปฏิบัติงานด้านอาชญากรรมทางไซเบอร์ รวมถึง หน่วยงาน Partners ของ Interpol เช่น Facebook, Microsoft, Trend Micro, Binance และ Meta เข้าร่วมประชุมด้วย.