ถ้าประชาชนเลือกมาก็ได้เลย! “อนุทิน” ตอบปมพร้อมเป็นนายกฯ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตอบคำถามผู้สื่อข่าวพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งหน้าว่า การจะเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องให้ประชาชนเลือกพรรคภูมิใจไทยให้เยอะๆ เวลาหาเสียง ก็หาเสียงกันเต็มที่ เมื่อถามเพิ่มเติมว่าได้มีโอกาสคุยกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ได้คุยแล้ว ในเรื่องของงานมันเป็นเรื่องของแต่ละพรรคในการต้องไปทำหน้าที่ และทุกพรรคต้องแสดงออกถึงความพร้อมในการเป็นผู้แทนประชาชน
นายอนุทินกล่าวถึงการตั้งเป้าจำนวน ส.ส.เท่าไรว่า ทำงานเต็มที่ หาเสียงเต็มที่ งานของพรรค คือ การนำเสนอนโยบายให้ถูกใจประชาชน ให้ประชาชนได้พิจารณา ส่วนการจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร ต้องขอเห็นคะแนนหลังการเลือกตั้งก่อน แล้วจะรู้ว่าเป็นฝ่ายค้าน หรือ ฝ่ายรัฐบาล ที่ผ่านมาจะเห็นว่าพรรคการเมืองอย่างพลังประชารัฐ ก็ลงพื้นที่หนองคาย อย่างเพื่อไทยก็ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย ก้าวไกลหาเสียงที่กรุงเทพ และภูมิใจไทยหาเสียงที่จังหวัดลพบุรี
ส่วนกรณีที่พรรคภูมิใจไทยเปิดตัวผู้สมัครไปเพียง 3 คนจาก 4 คนนั้น นายอนุทินระบุว่า อีกหนึ่งคนต้องรอความชัดเจน ส่วนนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จะมาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยนั้นเป็นเพื่อนกันมาอยู่แล้ว แล้วพรรคภูมิใจไทยยังมีจุดอ่อนในพื้นที่ กทม. ถ้าในอนาคตก็อาจจะมาร่วมงานกัน ทุกอย่างเป็นไปได้หมด ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับกลุ่มนครปฐม ของบ้านใหญ่ “สะสมทรัพย์” ในทางการเมือง ทุกคนรู้จักกันหมด สมัยนายไชยา สะสมทรัพย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีช่วยชื่อ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล
นายอนุทินยังปฏิเสธว่า ที่พรรคการเมืองลงหาเสียงในช่วงนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนายกฯ 8 ปี เพราะเหลือเวลาแค่ 9 เดือน รัฐบาลก็หมดสมัยแล้ว ทุกพรรคต้องมีการเตรียมตัวเพื่อการเลือกตั้ง แต่ในมุมการทำงาน ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล อยู่ตรงนี้ ก็ทำงานร่วมกับท่านนายกฯ อยู่ในสภาต้องเป็นตัวแทนประชาชน ทำตามบทบาทอย่างเต็มที่ อย่างล่าสุด ก็ประชุม APEC ได้ประชุมกันถึง 3 ชั่วโมง เพราะเราอยากทำให้ทุกอย่างออกมาดี แล้วการประชุม APEC คือภาพลักษณ์ของประเทศ
เมื่อถามถึงท่าทีของพรรคภูมิใจไทยในวันที่ 10 สิงหาคมที่จะมีประชุมเรื่องกฎหมายลูกการเลือกตั้ง พร้อมกันนี้นายอนุทินยังยืนยันว่า ในวันที่ 10 สิงหาคมที่ประชุมสภาฯ จะมีการประชุมเรื่องกฎหมายลูกการเลือกตั้ง พรรคภูมิใจไทยจะอยู่ในสภาครบถ้วน เพราะไม่ว่าจะสูตรแบบไหน ก็ต้องไปตีความอยู่ดี ส่วนพรรคภูมิใจไทยต้องเตรียมตัวให้มีความพร้อมมากที่สุด แต่คิดว่าจะกลับไปเป็นบัตร 1 ใบนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้.