“ปวีณา” รับ3เหยื่อสาวไทยถูกหลอกขายตัว “เมียนมา”
นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กเเละสตรี พาพ่อเหยื่อเดินทางไปพร้อมผู้เเทน พ.อ.ณฑี ทิมเสน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารม้าที่ 2, พ.อ.อนุวัช ปัญญานันท์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารม้าที่ 2, พล.ต.ต.ดุลเดชา อาชวะสมิตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย, พ.ต.อ. เขมชาติ วัฒนนภาเกษม ผกก.ตม.จว.เชียงราย และนางสาวภาณี จันทร์ตัน พมจ.เชียงราย เดินทางมารับหญิงไทย 3 ราย ถูกหลอกค้าประเวณี ขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ โดยนางปวีณาขอความช่วยเหลือ พ.อ.ณฑีประสานกับทหารเมียนมา เเละวันที่ 27 พ.ย.65 ทหารเมียนมาได้ส่งตัวหญิงไทยทั้ง 3 คน กลับมาที่ด่านพรมแดนเเม่สายเเห่งที่ 2 เวลา 14:00 น.
สืบเนื่องจากช่วงเดือน ต.ค. 65 แม่และพ่อของเหยื่อทั้ง 5 ราย ได้ร้องทุกข์ต่อนางปวีณาให้ช่วยเหลือลูกสาวถูกหลอกเเละบังคับค้าประเวณีเมืองล็อกกิ่ง ประเทศเมียนมา รายละเอียดดังนี้
รายที่ 1
3 ต.ค. 65 พ่อชาวจังหวัดพิษณุโลก เดินทางมาขอความช่วยเหลือที่มูลนิธิปวีณาฯ เเจ้งว่า ลูกสาวอายุ 27 ปี, 29 ปี และเพื่อนลูกสาวอายุ 28 ปี รวมทั้งหมด 3 คน ได้หางานผ่านเฟซบุ๊ก จากนั้นได้มีผู้หญิงทักแชตเข้ามาบอกว่าเป็นงานชงเหล้าที่ร้านชื่อ KTV เคลิ่วซินไปลี่ หญิงสาวทั้ง 3 คน จึงตกลงเดินทางไปทำงานวันที่ 21 ก.ย.65 โดยเดินทางข้ามช่องทางธรรมชาติ จ.เชียงราย เมื่อถึงประเทศเมียนมาจะมีรถมารับเป็นช่วงๆ ใช้เวลาเดินทาง 5 วัน เมื่อมาถึงร้าน ทางเจ้าของร้านมาพูดคุยเรื่องงานว่าต้องมีการขายบริการทางเพศ และต้องอาบน้ำให้ลูกค้า แต่ลูกสาวและเพื่อนปฏิเสธที่จะไม่ทำงานดังกล่าวจึงถูกทำร้าย ลูกสาวเล่าว่า มีความเป็นอยู่ยากลำบาก และถูกบังคับให้เสพสารเสพติด ไม่สามารถที่จะหนีออกมาได้เพราะมีคนคุมตลอดเวลา ถูกบังคับให้ค้าประเวณี หากไม่ยอมก็ถูกทำร้าย ทุบตี ไม่ให้กินข้าว ทนทุกข์ทรมานมาก
รายที่ 2
18 ต.ค.65 เเม่อยู่กรุงเทพมหานคร เดินทางมาขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณาฯ เล่าว่า ลูกสาวอายุ 17 ปี ถูกเพื่อนหลอกไปบังคับค้าประเวณีที่ประเทศเมียนมา โดยลูกสาวติดต่อกลับมาหาแม่ให้ช่วยเหลือ ลูกสาว เล่าให้ฟังว่า ช่วงต้นเดือน ต.ค.65 มีเพื่อนรุ่นพี่ที่รู้จักกันชักชวนไปทำงานที่แม่สาย จากนั้นเพื่อนรุ่นพี่หลอกให้ข้ามฝั่งไปประเทศเมียนมา และพาไปบังคับค้าประเวณี โดนทำร้ายร่างกายทุกวันหากไม่ทำ และบังคับให้เสพยาเสพติด ลูกสาวร้องไห้บอกอยากฆ่าตัวตาย ขอความช่วยเหลือด่วน
รายที่ 3
21 ต.ค.65 เเม่ชาวจังหวัดสมุทราปราการ เดินทางมาขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณาฯ เล่าว่า ลูกสาวอายุ 26 ปี ได้ติดต่อมาขอความช่วยเหลือจากแม่เมื่อวันที่ 18 ต.ค.65 ว่า ตอนนี้อยู่ที่เมืองล็อกกิ่ง ประเทศเมียนมา โดนยึดพาสปอร์ตและถูกกักบริเวณไม่ให้ออกไปไหน โดยก่อนหน้านี้แจ้งแม่ว่าจะไปเที่ยวสิงคโปร์กับเพื่อน และถูกพาไปบังคับค้าประเวณี ถูกทำร้ายร่างกายทุกวัน ขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ติดตามช่วยเหลือลูกกลับคืนมาด้วยโดยเร็ว
หลังรับเรื่องนางปวีณาได้วิดีโอคอล หญิงสาวทั้ง 5 ราย ทุกคนร้องไห้เล่าว่าอยู่อย่างทุกข์ทรมานเหมือนตกนรกทั้งเป็น บางวันก็ไม่ได้กินข้าว ทำงานไม่ได้เงิน หากรับเเขกไม่ดีไม่เอาใจก็ถูกทุบตี ทำร้ายร่างกาย จนระบมไปทั้งตัว ขอให้ช่วยเหลือออกจากขุมนรกนี้ด้วย
จากนั้นนางปวีณาได้ประสาน พ.อ.ณฑี ทิมเสน ผบ.ฉก.ม.2 และประธานคณะกรรมการประสานงานชายแดนไทย-เมียนมา ส่วนท้องถิ่น (TBC) ฝ่ายไทย เเละสถานทูตไทยในประเทศเมียนมา เพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือหญิงสาวทั้ง 5 ราย
ต่อมาวันอังคารที่ 1 พ.ย.65 นางปวีณาได้พาพ่อและแม่ของผู้เสียหายเดินทางไป จ.เชียงราย เพื่อติดตามการช่วยเหลือหญิงไทยทั้ง 5 ราย โดยได้ร่วมประชุมกับ พ.อ.ณฑี, ผู้เเทนทหารเมียนมา, พ.ต.อ.เขมชาติ, นายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอเเม่สาย เเละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยในที่ประชุมนางปวีณาได้วิดีโอคอลให้ที่ประชุมได้พูดคุยกับเหยื่อทั้ง 5 ราย พร้อมวิดีโอคอลกับกงสุลไทยในเมียนมา เพื่อสอบถามข้อมูลและวางแผนช่วยเหลือ โดยผู้เเทนทหารเมียนมาแจ้งว่า เมืองล็อกกิ่ง เป็นเขตปกครองพิเศษ การเดินทางไปต้องข้ามภูเขา อยู่ติดกับชายแดนจีน การเดินทางค่อนข้างลำบากต้องใช้เวลาหลายวัน เเละรับปากจะรีบดำเนินการประสานงานช่วยเหลืออย่างเต็มที่
วันเสาร์ที่ 5 พ.ย.65 นางปวีณาได้รับแจ้งจากจาก พ.อ.ณฑีว่า ทหารเมียนมาสามารถเข้าไปช่วยเหลือหญิงไทยจำนวน 3 รายได้แล้ว ส่วนอีก 2 ราย อยู่ระหว่างการประสานงานช่วยเหลือ
วันอาทิตย์ที่ 13 พ.ย. 65 กงสุลไทยในเมียนมา แจ้งนางปวีณาว่า ทางตำรวจเมียนมาได้เข้าไปช่วยเหลือหญิง 2 รายได้แล้ว และจะนำตัวไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจเมืองล็อกกิ่ง ก่อนจะทำเรื่องส่งตัวกลับประเทศไทย
และวันที่ 27 พ.ย 65 นางปวีณาได้พาพ่อผู้เสียหาย เดินทางไป จ.เชียงราย เพื่อรับหญิงไทยทั้ง 3 รายที่ได้รับการช่วยเหลือจากทหารเมียนมา, ทหารไทย, สถานทูตไทยในเมียนมา เเละตำรวจไทย และนางปวีณาจะพาไปพบ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เพื่อขยายผลติดตามผู้กระทำผิดหลอกหญิงไทยไปค้าประเวณีที่เมียนมาต่อไป.