“ผบ.ตร.” แจงยิบคดีทุนจีนสีเทา “ทำตรงไปตรงมา ไม่กลัวอิทธิพล” สั่งคดีตามพยานหลักฐาน

จากกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ถึงความคืบหน้าการเดินหน้าแฉกลุ่มทุนจีนสีเทา ที่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย “วิ่ง สู้ ฟัด” ตำรวจทำคดี “ตู้ห่าว” ตั้งข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด แต่ไร้ข้อหา “ฟอกเงิน” พร้อมตั้งคำถามถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่าอาจจะกลัวอิทธิพล “ตู้ห่าว” นั้น
 
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ชี้แจงว่า นายชูวิทย์อาจจะมีการเข้าใจผิดในหลายเรื่องที่อาจจะทำให้ไม่มั่นใจในตำรวจขึ้นมา เริ่มต้นคดีผับจินหลิงเกิดจาก พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ต้องให้เครดิตท่าน เนื่องจากมีการสืบทางลึกมาและได้ใช้กำลังที่ไม่เกี่ยวกับท้องที่ เพื่อไม่ให้มีการข่าวรั่ว โดยได้เข้าไปดำเนินการเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2565 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวนมาก ที่นายชูวิทย์บอกว่าตรวจปัสสาวะเหลือ 6 คน ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงเข้าใจกันผิด ทั้งนี้ได้มีการตรวจสารเสพติดเบื้องต้นเป็นผลบวก 104 คน ซึ่งได้ส่งทั้งหมดไปที่โรงพยาบาลธัญลักษณ์ เพื่อตรวจยืนยันผล เพราะตามกฎหมายต้องยืนยันผล ทางโรงพยาบาลได้ยืนยันผลมา 77 ราย รับสารภาพ 66 ราย ก็ได้ส่งฟ้องศาล ปฏิเสธ 11 ราย โดยมีหนึ่งรายได้ประกันตัวและหลบหนี ซึ่งทั้งหมด 76 รายอยู่ระหว่างการควบคุมตัว ส่วนใหญ่ที่เป็นคนจีนต้องรอส่งกลับเมื่อคดีเสร็จสิ้น เป็นความคืบหน้าว่าได้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวต่อว่า ทันทีที่คดีเกิดขึ้นในวันที่ 26 ตุลาคม 2565 ทาง พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.น.6. ไม่ได้นิ่งนอนใจได้ไปร่วมในที่เกิดเหตุด้วย ซึ่งท่านเพิ่งมาใหม่ได้เพียงไม่กี่วัน ก็ได้แต่งตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวน โดยให้รองผู้บังคับการที่ดูแลด้านสืบสวนสอบสวนนครบาล 6 เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ทาง ผบก.น.6 ไม่ได้ให้ สน.ยานนาวาทำโดยลำพัง ต่อมาเห็นว่าคดีนี้เป็นที่น่าสนใจและเป็นคดีที่อาจจะมีความสำคัญเกี่ยวเนื่องกับคดีต่างๆ จึงได้แต่งตั้งคณะทำงานโดยมี ผบช.น.เป็นหัวหน้าคณะทำงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งเซ็นคำสั่งเอง

นอกจากนั้น ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นหัวหน้ากำกับดูแลงานสืบสวนสอบสวนด้วย ซึ่งมีอำนาจเต็มแทนตนเองอยู่แล้ว เรื่องนี้ถ้าคุณชูวิทย์ไปพูดแล้วทำให้คนอื่นเข้าใจคลาดเคลื่อน ตนเองจะมากำกับดูแลใกล้ชิด เพื่อจะได้ตัดปัญหาความคลางแคลงใจในเรื่องนี้ต่อไป ซึ่งมั่นใจว่าคดีนี้ไม่ใช่เป็นคดีมวยล้มต้มคนดู
 
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวอีกว่า ผบช.น.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้รายงานความคืบหน้ากลับมาเป็นระยะๆ เบื้องต้นอย่างที่ทุกท่านทราบว่าคดีนี้ สามารถจับกุมขยายจากคดีเสพมาเป็นคดีครอบครองได้หลายคน ต่อมาได้ดำเนินคดีผู้ต้องหาที่เปิดสถานบริการด้วย จากนั้นได้ขยายผลต่อจนเป็นคดีสมคบเรื่องยาเสพติด ออกหมายจับและอยู่ในความควบคุมตัวของตำรวจ 9 ราย รวมนายตู้ห่าว ซึ่งพยานหลักฐานในตอนนี้เป็นเจ้าของกิจการ ทุกคนยังอยู่ในเรือนจำ ศาลได้พิจารณาหลักฐานของตำรวจ โดยทาง ผบช.น.ไปขออนุมัติหมายจับ ซึ่งศาลก็ได้อนุมัติ เป็นผลการปฏิบัติเบื้องต้นที่มั่นใจได้
 
ผบ.ตร.กล่าวว่า ทำไมยังไม่ดำเนินคดีฟอกเงินต้องชี้แจงว่าคดียาเสพติดข้อหาสมคบตาม พ.ร.บ.มาตรการ เจ้าพนักงาน ป.ป.ส.สามารถยึดและอายัดทรัพย์สินได้ครอบคลุมอยู่แล้วตามประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ซึ่งสะดวก รวดเร็ว ครอบคลุม เมื่อยึดอายัดทรัพย์สินแล้ว นายตู้ห่าวจะต้องมาแสดงว่าได้ทรัพย์สินมาอย่างไร ถูกต้องหรือไม่อย่างไร ส่วน ปปง.ก็จะตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงินที่ถ่ายทอดไปยังบุคคลอื่น โดยทำงานคู่ขนานกันไป พร้อมเชิญเจ้าหน้าที่ ปปง.มาร่วมตรวจสอบด้วย ทั้งนี้กรณีที่มีผู้จัดหาผลประโยชน์ รับเงิน โอนเงิน หรือฟอกเงิน ไม่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เรามีการแจ้งแน่นอน  แต่จะใช้ กม. เน้นปราบปราม ตัดวงจร ซึ่งขอระยะเวลาในการรวบรวม
 
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า คดีนี้จากพยานหลักฐานยังเป็นคดีในราชอาณาจักร ซึ่งเป็นคดีที่ตำรวจต้องเป็นผู้ดำเนินการ แต่เราไม่ได้ละเลยความสำคัญของอัยการ เพราะเป็นคดีสำคัญ เป็นคดีที่จะทำอย่างตรงไปตรงมาที่สุด ซึ่งขอความร่วมมือไปทางสำนักงานอัยการคดียาเสพติดเป็นการประสานงานให้ส่วนราชการ เพราะต้องส่งสำนวนคดีทั้งหมดให้พนักงานอัยการพิจารณาดำเนินคดี ทั้งหมดเป็นความคืบหน้าซึ่งจริงๆ แล้วคดียาเสพติดทั้งหมด หรือคดีที่เกี่ยวข้องต่างๆ เป็นไปตามนโยบายตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 แล้ว ทั้งเรื่องยาเสพติดต่างๆ ไม่ใช่จะดูที่รายนี้เพียงรายเดียวจะดูทุกมิติ ในการป้องกันปราบปรามยาเสพติด

ทางนายกรัฐมนตรีได้กำชับคดีจินหลิง ทุนจีน ให้ทำงานตรงไปตรงมา และให้นำเหตุการณ์ที่หนองบัวลำภูเป็นจุดที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาป้องกันปราบปรามยาเสพติดในทุกมิติ เพื่อให้ชาวบ้านในทุกพื้นที่เกิดความสบายใจมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งตำรวจได้ร่วมมือกับฝ่ายปกครอง สาธารณสุข และฝ่ายท้องถิ่น ได้ทำหนองบัวลำภูโมเดล โดยทำไปพร้อมๆ กันทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ซึ่งเดือนหน้าจะสำรวจความพึงพอใจของประชาชนจำนวน 1 ล้านกลุ่มตัวอย่าง เพื่อให้เห็นภาพว่า ขณะนี้ชาวบ้านมองปัญหายาเสพติดว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐแก้ไขปัญหาเป็นอย่างไร โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ

“เราทำอย่างตรงไปตรงมา ผมขอยืนยันให้มั่นใจได้ และขอบอกนายชูวิทย์ว่า ถ้าท่านต้องการที่จะให้ข้อมูล ผมยินดี ท่านจะนำมาให้ผมโดยตรง หรือจะไปคุยหารือกับ ผบช.น.ก็ได้ ถ้าท่านสบายใจ หรือจะรองผบ.ตร. ทั้ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ก็ได้ ผมยินดี ท่านติดต่อผมได้โดยตรง ผมยินดีจะรับข้อมูล ตอนนี้ผมก็ดูแลอย่างใกล้ชิด” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวยืนยัน
 
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ชี้แจงถึงการแจ้งข้อหาฟอกเงินล่าช้าว่า คดีนี้เริ่มต้นจากคดีเสพ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2565 โดยได้ขอออกหมายจับช่วงประมาณวันที่ 22-23 พฤศจิกายน 2565 ใช้เวลาเพียง 1-2 สัปดาห์ ในเรื่องนี้ยังต้องพิจารณาเรื่องเส้นทางการเงินและอะไรต่างๆ อีกเยอะ รวมถึงการสอบพยานเพิ่มเติม ซึ่งได้มีการสอบพยานไปจำนวนมากแล้ว ขอเรียนตรงๆ ว่า ผบช.น.มีบุคลิกเงียบ อาจจะไม่ชอบให้ข่าว แต่ได้สั่งการแล้วว่าขอให้รายงานความคืบหน้าทางคดีให้กับสื่อมวลชนเป็นระยะๆ เพื่อจะได้ให้เกิดความสบายใจว่า ตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมาและมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ประเด็นใดที่มีความสงสัยฝากแนะนำมาก็จะไปสอบปากคำให้ครบจนสิ้นข้อสงสัย โดยตำรวจพยายามทำอย่างเต็มที่

ตนเองในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติต้องดูในภาพรวม ซึ่งตอนนี้ได้โฟกัสไปที่ภาพรวมของการแก้ไขปัญหายาเสพติดในมิติของการป้องกัน ปราบปราม และบำบัด ที่จะเข้าไปดูแลในภาพรวมของแต่ละชุมชน และอยู่ระหว่างร่วมกับอัยการแก้ปัญหาเรื่องปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ ซึ่งทุกคนคงทราบว่าตัวการใหญ่ ส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศ เราก็แก้ไป ส่วนในประเทศอยู่ระหว่างการร่าง พ.ร.ก.ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ เพื่อเข้าสู่ ครม. ให้ได้โดยเร็วตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี เพื่อแก้ไขปัญหาบัญชีม้า ซิมม้า เพื่อทำให้การโอนเงินที่อาจจะถูกหลอกลวงจากคนร้ายทำได้ยากขึ้น รวมถึงมีการยกระดับการทำงานของตำรวจในการบริการบนสถานีตำรวจและนอกสถานีตำรวจ ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการดำเนินการ ทั้งนี้ มีการดำเนินการในหลายเรื่อง รวมถึงคดีนี้ ไม่ใช่ไม่ให้ความสำคัญ
 
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ชี้แจงกรณีนายชูวิทย์ถามว่าเกรงกลัวอิทธิพลนายตู้ห่าวหรือไม่ว่า เห็นทางนายชูวิทย์ไว้ใจรอง ผบ.ตร.ทั้ง 2 ท่านก็คิดว่าเพียงพอแล้ว แต่ตอนนี้ต้องการให้ตนเองลงมา ก็จะลงมาเพื่อให้เกิดความสบายใจ จริงๆ ก็ดูอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้รายงานความคืบหน้าเป็นระยะๆ แต่ตอนนี้ก็อาจจะต้องออกข่าวบ้าง ซึ่งจะเน้นย้ำให้ ผบช.น.ให้ข่าวเป็นระยะๆ ตามความคืบหน้า

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ปฏิเสธว่า ไม่เป็นความจริงตามที่นายชูวิทย์ระบุว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ไม่มีอำนาจ เปรียบเหมือนยักษ์ไม่มีกระบอง เพราะรอง ผบ.ตร.ที่รับผิดชอบงานสืบสวนสอบสวนทำแทน ผบ.ตร.ได้ทุกคดีทั่วประเทศอยู่แล้ว ซึ่งมอบอำนาจไปแล้ว คดีนี้ถือเป็นคดีแรกที่ให้ ผบช.น.เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยปกติในคดีสำคัญใหญ่ๆ จะเป็นแค่รองผู้การ หรือรองผู้บัญชาการ ซึ่งมองว่า ผบช.น.ทราบปัญหาตั้งแต่ต้น และได้เข้าไปตรวจค้นจับกุมด้วยตนเอง รู้มากที่สุด และแสดงให้เห็นแล้วว่าทราบข้อมูลเชิงลึกจึงไปจับกุมโดยไม่บอกท้องที่ ไม่มั่นใจใครไปทำเอง เพราะฉะนั้นจึงต้องให้ความไว้วางใจ ผบช.น. อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้กำชับสั่งการมาให้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา รอบคอบ และรวดเร็ว ซึ่งคงไม่มีอิทธิพลใดๆ ที่เข้ามายุ่งเกี่ยวได้อยู่แล้ว.